คำว่า “มุฮิบบัต” มาจากรากศัพท์คำว่า “ฮุบ” หมายถึงมิตรภาพ ความรัก. ความรักของอัลลอฮฺ (ซบ.) ที่มีต่อปวงบ่าวข้าทาสบริพาร มิได้มีความเข้าใจเหมือนกับความรักสามัญทั่วไป, เนื่องจากความสิ่งจำเป็นของความรักในความหมายของสามัญคือ ปฏิกิริยาแสดงออกของจิตใจและอารมณ์ ซึ่งอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งเหล่านี้, ทว่าความรักที่อัลลอฮฺ ทรงมีต่อปวงบ่าว, เป็นความรักทีมาจากพระองค์ซึ่งย้อนกลับไปหาอาตมันบริสุทธิ์ของพระองค์, อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงรักการงานของพระองค์ และเนื่องจากสิ่งถูกสร้างทั้งหลายเป็นของพระองค์, เป็นผลการกระทำของพระองค์, ดังนั้น พระองค์จึงรักพวกเขา
แนวทางไปถึงความรักในพระเจ้า ดังที่อัลกุรอาน ได้สาธยายถึงคุณลักษณะต่างๆ ของผู้เป็นที่รักไว้อย่างมากมาย ซึ่งมีแนวทางดังนี้, เช่น ความอดทน, ความสำรวมตนจากความชั่ว, การลุแก่โทษ, การทำความดี, ความสะอาด, การญิฮาดและต่อสู้ขวนขวาย, และ ฯลฯ ซึ่งมนุษย์สามารถใช้แนวทางต่างๆ เหล่านี้หรือประยุกต์ตัวเองให้เข้าใกล้กับคุณสมบัติดังกล่าว เขาก็จะกลายเป็นทีรักของอัลลฮฺ โดยปริยาย
คำว่า “มุฮิบบัต”มาจากรากศัพท์คำว่า “ฮุบ” ตามหลักภาษาหมายถึงความรักและมิตรภาพ,ความเมตตาและความแนบแน่น,ฮับบะ, ยุฮิบบุ, ฉันรักเขา, หรือฉันมีใจให้เขา[1]ด้วยเหตุนี้, มะฮฺบูบ, จึงหมายถึงผู้เป็นที่รัก
ความรักของอัลลอฮฺต่อปวงบ่าว
ความรักถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่มีอยู่ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญของความรักคือ, ความรักในตัวตน ซึ่งมีอยู่ในสรรพสิ่งทั้งหลาย,อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงล่วงรู้ถึงอาตมันบริสุทธิ์และความสมบูรณ์ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงรักในพระองค์. ทำนองเดียวกันสิ่งถูกสร้างทั้งหลายของพระองค์ เนื่องจากพระองค์ทรงรักอาตมันบริสุทธิ์ของพระองค์ จึงทรงรักสิ่งเหล่านั้นด้วย, เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายเป็นผลการกระทำของพระองค์ ซึ่งออกมาจากอาตมันบริสุทธิ์ของพระองค์
ความรักของอัลลอฮฺ (ซบ.) ต่อปวงบ่าวมิได้มีความหมายหรือมีความเข้าใจเหมือนกับความรักสามัญทั่วไป,เนื่องจากความสิ่งจำเป็นของความรักในความหมายของสามัญคือ ปฏิกิริยาแสดงออกของจิตใจและอารมณ์ ซึ่งอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งเหล่านี้, ทว่าความรักของอัลลอฮฺมาจากความรักของพระองค์เอง ที่มีต่ออาตมันบริสุทธิ์ของพระองค์, ความรักของอัลลอฮฺที่มีต่อพระองค์เองก็คือ ความรู้สึกที่ดี ในแง่นี้อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นหลักฐานของความสง่างาม, พระองค์จึงเป็นผู้มีความรัก, และเนื่องด้วยเหตุที่อาตมันของพระองค์เป็นหลักฐานแห่งอาตมัน,พระองค์จึงเป็นที่ถูกรักหรือเป็นที่รัก และเนื่องจากการกระทำของพระองค์มิได้แยกออกมาจากอาตมันของพระองค์ การงานนั้นจึงเป็นที่รักของพระองค์ไปด้วย หมายความว่า อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงรักการงานของพระองค์ และเนื่องจากสิ่งถูกสร้างทั้งหลายเป็นผลจากการงานของพระองค์ พระองค์จึงทรงรักสรรพสิ่งเหล่านั้นไปด้วย[2]
ดังนั้น สรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกนี้จึงเป็นที่รักสำหรับอัลลอฮฺ (ซบ.) แต่สิ่งที่เรากำลังกล่าวถึงอยู่ในขณะนี้ไม่หมายถึงทุกสิ่ง ทว่าเป็นความรักที่พระองค์ทรงมีต่อมนุษย์เท่านั้น ในความหมายจำกัด ซึ่งจะกล่าวอธิบายต่อไป
เพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น, มนุษย์จะทำอย่างไรจึงจะกลายเป็นท