การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
6927
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/12/20
 
รหัสในเว็บไซต์ fa10152 รหัสสำเนา 19926
คำถามอย่างย่อ
เมื่อพิจารณาโองการต่างๆ และรายงานฮะดีซแล้ว ช่วยชี้แนะด้วยว่าระหว่างเกียรติยศและความประเสริฐของอัลกุรอานกับอะฮฺลุลบัยตฺ สิ่งไหนสูงกว่ากัน?
คำถาม
เมื่อพิจารณาโองการต่างๆ และรายงานฮะดีซแล้ว ช่วยชี้แนะด้วยว่าระหว่างเกียรติยศและความประเสริฐของอัลกุรอานกับอะฮฺลุลบัยตฺ สิ่งไหนสูงกว่ากัน?
คำตอบโดยสังเขป

รายงานต่างๆ จำนวนมากมาย เช่น ฮะดีซซะเกาะลัยนฺและอิตรัต, ได้ถูกแนะนำว่าเป็นสองสิ่งหนักที่มีความเสมอภาคกัน, ใช่แล้วบางรายงานฮะดีซ เฉกเช่นสิ่งที่กล่าวไว้ในฮะดีซซะเกาะลัยนฺ ตามการรายงานบางกระแสรายงานกล่าวแนะนำไว้ว่า, อัลกุรอานอยู่ในฐานะของสิ่งหนักอันยิ่งใหญ่ และส่วนอะฮฺลุลบัยตฺ อยู่ในฐานะของสิ่งหนักอันเล็กน้อยเท่านั้น.

เกี่ยวกับประเด็นนี้เพราะสาเหตุใด อะฮฺลุลบัยตฺ (.) จึงถูกแนะนำว่าเป็นสิ่งหนักอันเล็ก ส่วนอัลกุรอานเป็นสิ่งหนักอันใหญ่ยิ่ง, จำเป็นต้องกล่าวว่า: เนื่องจากอัลกุรอานคือ พระดำรัสของพระเจ้าซึ่งความเชื่อถือได้ของอัลกุรอาน เป็นไปโดยตัวตน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหรือได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากเหตุผลอื่นใดอีก แต่คำพูดของคนอื่นต้องพึ่งพาสิ่งที่เชื่อถือได้ด้วยตัวตน เช่น อัลกุรอานเป็นตัวสนับสนุน, กล่าวคือการพิสูจน์ตำแหน่ง, และการเชื่อถือได้ของอิตรัตนั้นขึ้นอยู่กับการเชื่อถือได้ของอัลกุรอาน, เนื่องจากเพราะอัลกุรอานนั่นเองที่ทำให้พระวจนะของท่านศาสดา (ซ็อล ) ได้รับการเชื่อถือ ดังกล่าวว่า :ใดที่เราะซูลได้นำมาให้สูเจ้าก็จงรับว้า และสิ่งใดที่ท่านได้ห้ามสูเจ้าก็จงหลีกเลี่ยงเสีย

อัลกุรอานได้กล่าวกำชับเช่นนี้เพื่อให้พระวจนะของท่านเราะซูล (ซ็อล ) ได้รับความน่าเชื่อถือ ซึ่งท่านเราะซูล (ซ็อล ) ได้กล่าวว่า : «انى تارک فیکم الثقلین کتاب الله و عترتى» แท้จริงฉันได้ฝากสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกเจ้า อันได้แก่คัมภีร์แห่งอัลลฮฺ และอิตรัตของฉันดังนั้น จะเห็นว่า อิตรัต มีความเชื่อถือได้อยู่ในระดับเดียวกันกับอัลกุรอาน, แม้ว่าวจนะของท่านเราะซูล (ซ็อล ) จะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากอัลกุรอานอีกทีหนึ่งก็ตาม ด้วยเหตุนี้เอง อัลกุรอาน จึงเป็นสิ่งหนักอันยิ่งใหญ่ ส่วนอิตรัตของเราะซูล (ซ็อล ) เป็นสิ่งหนักอันเล็กน้อย, แต่อย่างไรก็ตามคำอธิบายนี้ไม่เข้ากับแก่นแห่งความสัตย์จริงของอัลกุรอาน และแก่นแท้ของอะฮฺลุลบัยตฺ (.)

คำตอบเชิงรายละเอียด

สำหรับบทนำในประเด็นนี้ต้องกล่าวว่า มีรายงานจำนวนมากมายกล่าวแนะนำว่า อิตรัตนั้นอยู่ในฐานะภาพเดียวกัน และมีความเสมอภาคกับ อัลกุรอาน.

ท่านเราะซูล (ซ็อล ) ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า :

«إنی قد ترکت فیکم الثقلین کتاب الله و أهل بیتی فنحن أهل بیته»؛

แท้จริงฉันได้ละทิ้งสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่ของพวกเจ้า อันได้แก่คัมภีร์แห่งอัลลอฮฺ และอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน ดังนั้นพวกเราคือ อะฮฺลุลบัยตฺของท่าน[1]

หนึ่งในบทซิยาเราะฮฺท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) ได้กล่าวกับท่านอิมามว่า :

"السلام علیک یا امین الرحمن، السلام علیک یا شریک القرآن، السلام علیک یا عمود الدین،...".

ขอความศานติพึงมีแด่ท่าน โอ้ ผู้ซื่อสัตย์แห่งเราะฮฺมาน, ขอความศานติพึงมีแดท่าน โอ้ ผู้เป็นหุ้นส่วนของอัลกุรอาน, ขอความศานติพึงมีแด่ท่าน โอ้ ผู้เป็นเสาหลักของศาสนา ...”[2]

ซึ่งถ้าพิจารณาความหมายภายนอกของฮะดีซเหล่านี้ จะเห็นว่าทั้งสองสิ่งนี้คือ แก่นแท้อันเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดประเสริฐหรือดีไปกว่ากัน

ในขณะที่แหล่งอ้างอิงเชิงวิชาการเรื่องฮะดีซนั้น ได้ยกย่องอัลกุรอานให้อยู่ในฐานะของ สิ่งหนักอันยิ่งใหญ่ ส่วนอิตรัตของเราะซูลนั้นอยู่ในฐานะของสิ่งหนักอันเล็กน้อย เช่น รายงานบางบทที่กล่าวว่า :

«إِنِّی قَدْ تَرَکْتُ فِیکُمُ الثَّقَلَیْنِ مَا إِنْ تَمَسَّکْتُمْ بِهِمَا لَنْ تَضِلُّوا بَعْدِی وَ أَحَدُهُمَا أَکْبَرُ مِنَ الْآخَرِ کِتَابُ اللَّهِ حَبْلٌ مَمْدُودٌ مِنَ السَّمَاءِ إِلَى الْأَرْضِ وَ عِتْرَتِی أَهْلُ بَیْتِی أَلَا وَ إِنَّهُمَا لَنْ یَفْتَرِقَا حَتَّى یَرِدَا عَلَیَّ الْحَوْضَ»؛

แท้จริงฉันได้ฝากสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกเจ้า ถ้าหากพวกเจ้าได้ยึดมั่นกับทั้งสองแล้ว จะไม่หลงทางตลอดกาลภายหลังจากฉัน ซึ่งสิ่งหนึ่งนั้นหนักและยิ่งใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่ง อันได้แก่คัมภีร์แห่งอัลลอฮฺ อันเป็นสายเชือกที่ถอดตรงลงมาจากฟากฟ้าสู่แดนดิน และอิตรัตของฉัน อะฮฺลุลบัยตฺของฉัน แน่นอน ทั้งสองจะไม่มีวันแยกทางออกจากกันอย่างเด็ดขาด จนกว่าทั้งสองจะย้อนกลับคืนสู่ฉัน  สระน้ำเกาษัรแห่งสวรรค์[3]

ท่านอิมามอะลี (.) กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า : ฉันปฏิบัติตามสิ่งหนักอันยิ่งใหญ่,คือ อัลกุรอาน และได้มอบสิ่งหนักอันเล็กไว้ในหมู่พวกเจ้า[4] คำกล่าวเช่นนี้ยังมิได้เป็นเหตุผลที่บ่งบอกว่าอัลกุรอานนั้นดีกว่าอะฮฺลุลบัยตฺดอกหรือ?แล้วรายงานทำนองนี้ถือว่าอัลกุรอานและอะฮฺลุลบัยตฺมีความเท่าเทียมกันนั้น ขัดแย้งกันหรือ?

ดังนั้น สำหรับการเผชิญกับคำถามเหล่านี้ นักปราชญ์บางท่านกล่าวว่า : แม้ว่าอิมามจะเป็นอัลกุรอานพูดได้ (นาฏิก) และมีความดีกว่า แต่นั่นเป็นเพียงการพาดพิงถึงภายนอกของอัลกุรอานเท่านั้น, ซึ่งการดีกว่าเช่นนี้เฉพาะอัลกุรอานภายนอกเล่มที่อยู่ในมือของประชาชนขณะนี้เท่านั้น, แต่ถ้าเอาอิมามไปเทียบกันแก่นแท้ของอัลกุรอาน อันได้แก่พระดำรัสของพระเจ้าแล้วละก็,ท่านอิมามเป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนต่ออัลกุรอาน ยกย่องและเทิดเกียรติของอัลกุรอานไว้สูงส่งเสมอ, กล่าวคือเนื่องจากอัลกุรอานคือ พระดำรัสและเป็นสาส์นของพระเจ้าจึงมาก่อนและประเสริฐกว่าอะฮฺลุลบัยตฺ (.)

อีกนัยหนึ่ง, อัลกุรอานสามารถใช้ได้กับ 2 คำสั่งต่อไปนี้ กล่าวคือ : ประการแรก, อัลกุรอานฉบับที่ตีพิมพ์แล้วหรือฉบับลายมือที่มีอยู่ในมือของประชานปัจจุบัน, อีกประการหนึ่งคือ สิ่งที่ญิบรออีลได้นำลงมามอบแก่ท่านศาสดา (ซ็อล ) และต่อมาได้มีการจดบันทึกหรือจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม. ซึ่งสิ่งนี้ก็คือ สิ่งที่บรรดาอิมาม (.) ได้ทุมเทชีวิตและเลือดเนื้อปฏิบัติตามและพิทักษ์ปกป้องไว้, และสิ่งนั้นก็คือ สิ่งหนักอันยิ่งใหญ่นั่นเอง และด้วยการธำรงอยู่ของต้นฉบับบางต้นทำให้สิ่งนั้นดำรงอยู่ได้ด้วยเช่นกัน, ส่วนอะฮฺลุลบัยตฺ คือ สิ่งหนักอันเล็กที่ได้รับการแนะนำเอาไว้, แต่อย่างไรก็ตามไม่สามารถนำเอาอัลกุรอานตามความหมายแรก ซึ่งครอบคลุมทุกฉบับที่ตีพิมพ์ ไปเปรียบเทียบกับอะฮฺลุลบัยตฺ (.) ได้, เนื่องจากอิมาม คือ อัลกุรอานที่พูดได้ ส่วนอัลกุรอานที่ตีพิมพ์คือ กุรอานที่เงียบพูดไม่ได้ และถ้าเกิดความสงสัยคลางแคลงใจ ระหว่างการปกป้องอิมาม (.) หรือการปฏิบัติตามคำสั่งของอิมาม กับการปกป้องอัลกุรอานที่ตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม หรือลายเขียนอัลกุรอานแล้วละก็, แน่นอน ตรงนี้ต้องปกป้องรักษาอิมามไว้ก่อน และต้องเชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่งของท่านก่อนที่จะปกป้องกุรอานฉบับตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม, ซึ่งเราจะต้องไม่มีข้ออ้างว่าเพื่อให้เกียรติและแสดงความเคารพต่ออัลกุรอาน, เราจึงละทิ้งคำสั่งของอิมาม, ซึ่งประเด็นนี้น่าเสียดายว่าได้เกิดขึ้นแล้วในสงครามซิฟฟีน[5]

บางคนกล่าวว่า : อัลกุรอานคือสิ่งหนักอันยิ่งใหญ่, อันเนื่องจากว่าเป็นพระดำรัสของพระเจ้า ซึ่งบรรดาศาสดาทั้งหลายต่างได้รับการแต่งตั้งลงมาเพื่อ นำเอาพระดำรัสของพระเจ้าไปเผยแพร่ในหมู่ประชาชาติ และนำเอาบทบัญญัติต่างๆ ของพระองค์มาดำเนินการปฏิบัติ, ดังนั้น อัลกุรอานจึงเป็นข้อพิสูจน์อันยิ่งใหญ่,แม้ว่าในรายงานบางบท, จะเปรียบเทียบสิ่งหนักสองสิ่งนี้คล้ายกับนิ้วชี้และนิ้วกลางก็ตาม,จุดประสงค์ก็คือ ต้องการบอกว่าสองสิ่งนี้จะไม่มีวันแยกออกจากกันอย่างแน่นอน[6]

บางท่านกล่าวว่า : ถ้าหากอัลกุรอานปราศจากอะฮฺลุลบัยตฺ และอะฮฺลุลบัยตฺปราศจากอัลกุรอานแล้วไซร์ มิสามารถชี้นำมนุษย์ไปสู่จุดหมายปลายทางได้, อัลกุรอานและอิตรัต, เป็น 2 คำนิยามที่อยู่ในฐานะเดียวกัน, ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วทั้งสองคือ แก่แท้อันเดียวกัน เพียงแต่ปรากฏในคนร่างกาย,อัลกุรอานและอิตรัต ทั้งสองคือวะฮฺยูและเป็นพระดำรัสของพระเจ้า ซึ่งทั้งสองได้สนทนาพูดคุยกับประชาชาติตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน, กล่าวคือ อิตรัตก็คือกายภาพของอัลกุรอานนั่นเอง, ด้วยเหตุนี้เองดังที่คำพูดของอัลกุรอาน เป็นข้อพิสูจน์และเป็นเหตุผลสมบูรณ์ คำพูดของอะฮฺลุลบัยตฺก็เป็นข้อพิสูจน์ด้วยเช่นเดียวกัน[7] ทั้งสองคือ โซ่ตรวนเส้นเดียวกัน,เป็นแนวทางอันเที่ยงธรรมเหมือนกัน และทั้งสองคือความสัจธรรมอันเป็นจุดหมายปลายทาง[8]

อีกนัยหนึ่ง, กล่าวได้ว่าตามคำกล่าวของรายงานเหล่านี้ก็มิได้ต้องการที่จะบอกว่าอัลกุรอานนั้นดีกว่าอิตรัตแต่อย่างใด, เนื่องจากทั้งอัลกุรอานและอิตรัตนั้นต่างเป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการของอัลลอฮฺทั้งสิ้น และทั้งสองเป็นความพิเศษเลอเลิศที่ให้ประโยชน์อยู่ในระดับเดียวกัน, ทว่าการตีความเหล่านี้ต้องการจะบอกว่าอัลกุรอานมีนามว่า สิ่งหนักอันยิ่งใหญ่ เป็นสายสืบที่เชื่อถือได้ที่สุด เป็นรายงานอันหนักแน่นจากอะฮฺลุลบัยตฺ (.), อัลกุรอานคือ พระดำรัสของพระเจ้า ซึ่งความเชื่อถือได้ของอัลกุรอาน เป็นไปโดยตัวตน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหรือได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากเหตุผลอื่นใดอีก แต่คำพูดของคนอื่นต้องพึ่งพาสิ่งที่เชื่อถือได้ด้วยตัวตน เช่น อัลกุรอานเป็นตัวสนับสนุน, กล่าวคือการพิสูจน์ตำแหน่ง, และการเชื่อถือได้ของอิตรัตนั้นขึ้นอยู่กับการเชื่อถือได้ของอัลกุรอาน, เนื่องจากเพราะอัลกุรอานนั่นเองที่ทำให้พระวจนะของท่านศาสดา (ซ็อล ) ได้รับการเชื่อถือ ดังกล่าวว่า :ใดที่เราะซูลได้นำมาให้สูเจ้าก็จงรับว้า และสิ่งใดที่ท่านได้ห้ามสูเจ้าก็จงหลีกเลี่ยงเสีย[9]

อัลกุรอานได้กล่าวกำชับเช่นนี้เพื่อให้พระวจนะของท่านเราะซูล (ซ็อล ) ได้รับความน่าเชื่อถือ ซึ่งท่านเราะซูล (ซ็อล ) ได้กล่าวว่า : «انى تارک فیکم الثقلین کتاب الله و عترتى» แท้จริงฉันได้ฝากสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกเจ้า อันได้แก่คัมภีร์แห่งอัลลฮฺ และอิตรัตของฉันดังนั้น จากสองปฐมบทที่กล่าวามานี้ได้บทสรุปว่า อิตรัต มีความเชื่อถือได้อยู่ในระดับเดียวกันกับอัลกุรอาน, แม้ว่าวจนะของท่านเราะซูล (ซ็อล ) จะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนและเชื่อถือได้ด้วย พระดำรัสของ อัลกุรอานอีกทีหนึ่งก็ตาม ด้วยเหตุนี้เอง อัลกุรอาน จึงเป็นสิ่งหนักอันยิ่งใหญ่ ส่วนอิตรัตของเราะซูล (ซ็อล ) เป็นสิ่งหนักอันเล็ก, แต่อย่างไรก็ตามคำอธิบายนี้ไม่เข้ากับแก่นแห่งความสัตย์จริงของอัลกุรอาน และแก่นแท้ของอะฮฺลุลบัยตฺ (.)[10]

แต่สิ่งที่เข้าใจได้ตรงนี้คือ การสร้างความเข้าใจกับรายงานต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ จำเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบเหล่านี้ด้วย กล่าวคือ

1.ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แก่นแท้ของอัลกุรอานและอะฮฺลุลบัยตฺ (.) นั้น อยู่  อัลลอฮฺ (ซบ.) และเป็นสิ่งเดียวกัน, ซึ่งแก่นแท้ความจริงนี้ได้ถูกมอบหมายไว้ที่ท่านเราะซูล (ซ็อล ) ในสองแม่พิมพ์ที่ปรากฏร่างภายนอกมีความแตกต่างกัน ประการหนึ่งเรียกว่า อัลกุรอาน ส่วนอีกประการหนึ่งเรียกว่า อะฮฺลุลบัยตฺ (.) และทั้งสองอยู่ในฐานะของสิ่งหนักที่ท่านเราะซูล (ซ็อล ) ได้ประกาศและฝากเอาไว้ในหมู่ประชาชาติ, รายงานบางบทกล่าวว่า ท่านเราะซูล (ซ็อล ) พยายามจะแนะนำสิ่งหนักทั้งสองแก่ประชาชาติ ท่านกล่าวว่า :

«أَنَّهُمَا لَنْ یَفْتَرِقَا حَتَّى یَرِدَا عَلَیَّ الْحَوْضَ کَإِصْبَعَیَّ هَاتَیْنِ وَ جَمَعَ بَیْنَ سَبَّابَتَیْهِ وَ لَا أَقُولُ کَهَاتَیْنِ وَ جَمَعَ بَیْنَ سَبَّابَتِهِ وَ الْوُسْطَى فَتَفْضُلُ هَذِهِ عَلَى هَذِهِ»

อัลลอฮฺ ทรงมีบัญชาแก่ฉันว่า ทั้งสองจะไม่มีวันแยกออกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะย้อนกลับคืนสู่ฉัน  สระน้ำแห่งสรวงสวรรค์ และเนื่องจากว่าทั้งสองมีความคล้ายเหมือนนิ้วมือของฉัน (ท่านชูนิ้วชี้ทั้งสองมือประชิดติดกัน) ฉันไม่ต้องการบอกว่าทั้งสองนั้นเหมือนกับนิ้วชี้ทั้งสองของฉัน (ท่านชี้ไปที่นิ้วชี้และนิ้วกลาง) ซึ่งนิ้วหนึ่งดีกว่าและใหญ่กว่าอีกนิ้วหนึ่ง[11]

2.อาจเป็นไปได้ว่ารายงานบางบทได้เน้นย้ำถึง <

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • จะมีวิธีการสนับสนุนอย่างไรบ้าง เพื่อให้บุตรหลานรักการอิบาดะฮฺ?
    6521 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/08/22
    สำหรับการส่งเสริมและการสนับสนุนให้ปฏิบัติข้อบังคับของศาสนา เบื้องต้นสิ่งแรกที่จะต้องทำคือการวิเคราะห์ความคิดของเขา หลังจากนั้นจึงจะหาวิธีแก้ไขและส่งเสริมต่อไป, ทัศนะของบุคคลและความเชื่อที่มีต่ออัลลอฮฺ, โลกทัศน์ของพระเจ้า,มนุษย์, วันฟื้นคืนชีพ และ... เหล่านี้มีผลโดยตรงต่อความเชื่อ เพราะจะช่วยทำให้เขามั่นคงต่อการอิบาดะฮฺ และการปฏิบัติข้อบังคับต่างๆ และความประพฤติ การโน้มน้าวทางความเชื่อ การมีวิสัยทัศน์ที่ดี และการมีความคิดดีกับฝ่ายตรงข้าม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรหลาน) ดังนั้น เพื่อก่อให้เกิดมรรคผลในทางที่ดี การอบรมสั่งสอนและการส่งเสริม จึงจำเป็นต้องเริ่มจากความคิดของเขาก่อน แน่นอน การที่บิดามารดาไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุตร โปรแกรมการอบรมสั่งสอนย่อมไม่ได้ผล หรือล้มเหลวแน่นอน โดยการใช้วิธีปฏิบัติที่เหมาะสมด้านการอบรม สามารถสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุตรหลานของตนได้ บางวิธีการเป็นวิธีที่มีความจำเป็นและเหมาะสม ดังเช่น : 1 ให้เกียรติบุตร: ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) กล่าวว่า "จงให้เกียรติลูกๆ ของตนและจงอบรมสั่งสอนให้ดี" 2 รู้ถึงความต้องการของเด็กและเยาวชนในช่วงวัยรุ่น (เช่นความเป็นอิสระ, อารมณ์, ฯลฯ) เป็นการรู้จักทั่วไปถึงสภาพจิตใจอันเฉพาะของลูกแต่ละคน ...
  • ปวงข้าทาสเป็นอย่างไร ปวงบ่าวคือใคร? แล้วเราสามารถเคลื่อนไปในหนทางของการแสดงความเคารพภักดีได้อย่างไร ?
    7833 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/03/08
     คำว่าอิบาดะฮฺนักอักษรศาสตร์ส่วนใหญ่ตีความว่าหมายถึงขั้นสูงสุดของการมีสมาธิหรือความต่ำต้อยด้อยค่าดังนั้นจึงไม่สมควรอย่างยิ่งเว้นเสียแต่ว่าสำหรับบุคคลที่ประกาศขั้นตอนของการมีอยู่ความสมบูรณ์และความยิ่งใหญ่ของความโปรดปรานและความดีงามออกมาฉะนั้นการแสดงความเคารพภักดีที่นอกเหนือไปจากพระเจ้าแล้วถือเป็นชิริกทั้งสิ้น
  • นมาซมีรหัสยะและปรัชญาอย่างไรในทัศนะของชีอะฮ์?
    5952 ปรัชญาของศาสนา 2555/06/11
    ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าบทบัญญัติทุกข้อของพระองค์ย่อมมีปรัชญาและเหตุผลแฝงอยู่ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเสาะหาเหตุผลของบทบัญญัติแต่ละข้อเสมอไป มุสลิมจะต้องสยบแด่สาส์นแห่งวิวรณ์โดยดุษณี จิตที่สยบเช่นนี้แหล่ะคือความสมบูรณ์ของมนุษย์ ซึ่งจริงๆแล้วบทบัญญัติบางข้อก็มีจุดประสงค์เพื่อทดสอบจิตประเภทดังกล่าว อย่างไรก็ดี กุรอานได้ระบุถึงเหตุผลของบทบัญญัติศาสนาในหลายวาระด้วยกัน บรรดาอิมามมะอ์ศูมก็เคยกล่าวถึงประเด็นเหล่านี้ไว้ นอกจากนี้ นักวิชาการมุสลิมก็ได้ประพันธ์หนังสือเกี่ยวกับรหัสยะและปรัชญาของบทบัญญัติศาสนา อาทิเช่นองค์ประกอบต่างๆของนมาซไม่ว่าจะเป็น การเหนียต ตะชะฮุด รุกู้อ์ สุญูด สลาม ฯลฯ ไว้หลายเล่มด้วยกัน ...
  • กรุณาอธิบายเกี่ยวกับสายรายงานและเนื้อหาของซิยารัตอาชูรอ
    7007 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/12/10
    แหล่งอ้างอิงหลักของซิยารัตบทนี้ก็คือหนังสือสองเล่มต่อไปนี้กามิลุซซิยารอตประพันธ์โดยญะฟัรบินมุฮัมมัดบินกุละวัยฮ์กุมี (เสียชีวิตฮ.ศ.348) และมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนของเชคฏูซี (ฮ.ศ.385-460) ตามหลักบางประการแล้วสายรายงานของอิบนิกูละวัยฮ์เชื่อถือได้แต่สำหรับสายรายงานที่ปรากฏในหนังสือมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนนั้นต้องเรียนว่าหนังสือเล่มนี้นำเสนอซิยารัตนี้ผ่านสองสายรายงานซึ่งสันนิษฐานได้สามประการเกี่ยวกับผู้รายงานฮะดีษหนึ่ง:น่าเชื่อถือ
  • กฎเกณฑ์ทางศาสนบัญญัติกล่าวว่าอย่างไร เกี่ยวกับการถอนคิ้วของสตรี?
    14385 สิทธิและกฎหมาย 2556/01/24
    การถอนคิ้วของสตรีโดยหลักการแล้วไม่เป็นไร ตามหลักการอิสลามภรรยาจะเสริมสวยและแต่งตัวเพื่ออวดสามี ถือว่าเป็นมุสตะฮับ ในทางตรงกันข้ามภรรยาที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่เสริมสวยเพื่ออวดสามี ย่อมได้รับคำประณาม ด้วยเหตุนี้เอง บรรดานักปราชญ์ฝ่ายชีอะฮฺ ฟุเกาะฮา นอกจากจะแนะนำเหล่าสตรีในใส่ใจต่อปัญหาดังกล่าวแล้ว ยังเตือนสำทับด้วยว่าการโอ้อวดสิ่งนั้นแก่ชายอื่นถือว่าฮะรอม ไม่อนุญาตให้กระทำ สตรีต่างมีหน้าที่ปกปิดสิ่งประดับและเรือนร่างของเธอให้พ้นจากสายตาของชายอื่น ...
  • อิมามฮะซัน มุจญฺตะบา (อ.) ได้สมรสกับหญิงหลายคน และหย่าพวกนางหรือ?
    7673 ชีวประวัติมะอฺซูม (อ.) 2555/08/22
    หนึ่งในประเด็น อันเป็นความเสียหายใหญ่หลวง และน่าเสียใจว่าเป็นที่สนใจของแหล่งฮะดีซทั่วไปในอิสลาม, คือการอุปโลกน์และปลอมแปลงฮะดีซ โดยนำเอาฮะดีซเหล่านั้นมาปะปนรวมกับฮะดีซที่มีสายรายงานถูกต้อง โดยกลุ่มชนที่มีความลำเอียงและรับจ้าง ท่านอิมามฮะซัน มุจญฺตะบา (อ.) เป็นอิมามผู้บริสุทธิ์ท่านที่สอง, เป็นหนึ่งในบุคคลที่บรรดานักปลอมแปลงฮะดีซ ได้กุการมุสาพาดพิงไปถึงท่านอย่างหน้าอนาถใจที่สุด ในรูปแบบของรายงานฮะดีซ ซึ่งหนึ่งในการมุสาเหล่านั้นคือ การแต่งงานและการหย่าร้างจำนวนมากหลายครั้ง แต่หน้าเสียใจตรงที่ว่า รายงานเท็จเหล่านี้บันทึกอยู่ในแหล่งอ้างอิงฮะดีซและหนังสือประวัติศาสตร์ ทั้งซุนนียฺและชีอะฮฺ แต่ก็หน้ายินดีว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักความเชื่อที่ถูกต้องมีอยู่อยู่มือจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งทำให้การอุปโลกน์และปลอมแปลงฮะดีซของพวกเขาเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ...
  • ชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์มีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับท่านบิล้าล?
    7089 تاريخ بزرگان 2554/08/08
    หนังสืออ้างอิงทางประวัติศาสตร์ของชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์กล่าวถึงท่านบิล้าลผู้เป็นอัครสาวกว่าท่านได้รับการไถ่ตัวโดยท่านอบูบักร์ท่านเป็นผู้ศรัทธาที่อดทนต่อการทรมานโดยกาเฟรมุชริกีนและเป็นนักอะซานประจำของท่านนบี(ซ.ล.) อีกทั้งยังเป็นนักต่อสู้เพื่ออิสลามในสมรภูมิต่างๆเคียงข้างท่านนบี(ซ.ล.) ทว่าหลังจากที่นบีละสังขารท่านก็จากเมืองมะดีนะฮ์มุ่งสู่แคว้นชามและเสียชีวิตณที่นั่น ...
  • ควรนำเสนอประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับการรู้จักกับพระเจ้าแก่ชมรมเยาวชนในพื้นที่อย่างไร?
    6528 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/04/19
    หากพิจารณาประเด็นต่างๆที่เกี่ยวกับหลักความเชื่อ ต้องถือว่าประเด็นการรู้จักพระเจ้าถือเป็นประเด็นหลักที่สำคัญที่สุด อีกทั้งครอบคลุมประเด็นปลีกย่อยมากมาย หากคุณต้องการอธิบายเกี่ยวกับประเด็นนี้จะต้องคำนึงถึง 2 หลักการเป็นสำคัญ หนึ่ง. ควรเลือกประเด็นที่จะหยิบยกมาพูดคุยให้เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตรรกะ สอง.จะต้องคำนึงถึงบุคลิกและพื้นฐานความรู้ของผู้ฟังอย่างเคร่งครัด เกี่ยวกับหลักการแรก ควรคำนึงถึงประเด็นต่อไปนี้ คุณจะต้องเลือกประเด็นในการพูดคุยเกี่ยวกับการรู้จักพระเจ้าที่มีความครอบคลุมมากกว่า เพื่อที่จะได้อธิบายเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวได้ง่ายขึ้น จะต้องหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นลึกๆ ของการรู้จักพระเจ้า นำเสนอข้อมูลต่าง ๆ โดยคำนึงถึงลำดับการเรียงเนื้อหาที่เหมาะสม และจะต้องหลีกเลี่ยงการพูดเยิ่นเย้อ ให้ทยอยนำเสนอประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับการรู้จักพระเจ้า และควรใช้วิธีการที่สามารถเข้าใจง่ายและมีความหลากหลาย ควรใช้ประโยชน์จากจิตใต้สำนึกแสวงหาพระเจ้าที่มีในเยาวชนให้มากที่สุด ควรจะปล่อยให้เยาวชนได้มีโอกาสคิดและสรุปข้อมูล เพื่อให้สามารถเข้าใจประเด็นต่าง ๆได้ ควรใช้หนังสือต่างๆ ที่เสนอข้อมูลอย่างชัดแจนและมีการลำดับเนื้อเรื่องที่ดี เกี่ยวกับหลักการที่สองควรจะคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ ควรจะนำเสนอประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการรู้จักพระเจ้าที่สอดคล้องกับพื้นฐานความรู้ของเยาวชนกลุ่มนั้น ๆ และหากต้องการนำเสนอข้อมูลใหม่ๆ ...
  • อ่านกุรอานซูเราะฮ์ใดจึงจะได้ผลบุญมากที่สุด?
    25222 วิทยาการกุรอาน 2554/06/28
    อิสลามถือว่ากุรอานคือครรลองสำหรับการดำเนินชีวิตและเป็นชุดคำสอนที่จะเสริมสร้างจิตวิญญาณมนุษย์ให้สมบูรณ์หากจะอัญเชิญกุรอานโดยคำนึงเพียงว่าซูเราะฮ์ใดมีผลบุญมากกว่าก็ย่อมจะสูญเสียบะเราะกัต(ความศิริมงคล)ที่มีในซูเราะฮ์อื่นๆฉะนั้นจึงควรอัญเชิญกุรอานให้ครบทุกซูเราะฮ์และพยายามนำสู่การปฏิบัติ อย่างไรก็ดีแต่ละซูเราะฮ์มีคุณสมบัติพิเศษในแง่ของความศิริมงคลและผลบุญตามคำบอกเล่าของฮะดีษอาทิเช่นซูเราะฮ์ฟาติหะฮ์มีฐานะที่เทียบเท่าเศษสองส่วนสามของกุรอานหรืออายะฮ์กุรซีที่เป็นที่กล่าวขานกันถึงคุณประโยชน์อันมหาศาลหรือซูเราะฮ์กุ้ลฮุวัลลอฮ์ที่เทียบเท่าเศษหนึ่งส่วนสามของกุรอานส่วนซูเราะฮ์อื่นๆก็มีคุณลักษณะพิเศษที่แตกต่างกันไป. ...
  • มีดุอาอฺขจัดความเกลียดคร้านและความเฉื่อยชาบ้างไหม?
    11838 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/05/17
    ภารกิจบางอย่างที่คำสอนศาสนาปฏิเสธไม่ยอมรับคือ ความเกลียดคร้านและความเฉื่อยชา, บรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.) กล่าวตำหนิคุณสมบัติทั้งสองนี้ และขอความคุ้มครองจากพระเจ้าให้พ้นไปจากทั้งสอง ดังจะเห็นว่าบทดุอาอฺบางบทจากบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้ เช่น : 1. มุสอิดะฮฺ บุตรของ ซิดเกาะฮฺ กล่าวว่า : ฉันได้วอนขอให้ท่านอิมามซอดิก (อ.) ดุอาอฺต่ออัลลอฮฺเกี่ยวกับภารกิจการงานใหญ่ๆ ท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า ฉันจะสอนดุอาอฺของคุณปู่ของฉันท่านอิมามซัจญาด (อ.) แก่เธอ ซึ่งดุอาอฺของท่านอิมามซัจญาด (อ.) ได้วอนขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ เพื่อให้พ้นไปจากความความเกลียดคร้าน กล่าวว่า : : "...وَ أَعُوذُ بِكَ مِنَ ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60414 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57976 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42505 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39803 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39163 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34271 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28316 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28244 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28181 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26120 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...