การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
13280
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/07/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1122 รหัสสำเนา 15324
คำถามอย่างย่อ
มีข้อแนะนำใดบ้างที่คุณพ่อและคุณแม่ควรปฏิบัติก่อนคลอดบุตร?
คำถาม
กรุณานำเสนอบทบัญญัติอิสลามและข้อควรปฏิบัติก่อนจะมีบุตรด้วยค่ะ
คำตอบโดยสังเขป

มีข้อแนะนำบางอย่างที่คุณพ่อและคุณแม่ควรปฏิบัติก่อนจะมีบุตร อาทิเช่น ปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วน ปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการร่วมหลับนอน บริโภคอาหารที่ฮะลาลและสะอาดโดยเฉพาะผลไม้นานาชนิด เข้ารับการตรวจโรคทางพันธุกรรม งดความเครียด  มองทิวทัศน์ที่สวยงาม รักษาสุขอนามัย ออกกำลังกาย ฯลฯ
หากปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ได้ครบถ้วน ก็จะทำให้มีสมาชิกครอบครัวที่มีสุขภาพดีและประสบความสำเร็จในชีวิต ส่งผลให้สังคมก้าวสู่ความผาสุกในอุดมคติ

คำตอบเชิงรายละเอียด

ลูกๆเปรียบเสมือนดอกไม้งามในสวนหย่อมแห่งชีวิต พวกเขาคืออนาคตของสังคม และเพื่อให้สังคมมุสลิมเจริญก้าวหน้า อิสลามจึงนำเสนอเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการมีบุตรไว้อย่างงดงามและเหมาะสมดังต่อไปนี้:

1. เลือกเฟ้นคู่ครองที่เหมาะสม
ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยายากจะหาสิ่งใดมาเปรียบปาน อัลลอฮ์จึงทรงถือว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของพระองค์และหนึ่งในสัญลักษณ์ของพระองค์ก็คือ การที่พระองค์ทรงสร้างคู่ครองเสมอเหมือนสูเจ้า เพื่อให้สูเจ้าได้พบกับความสงบ และได้ทรงบันดาลให้เกิดไมตรีจิตและความรักระหว่างสูเจ้า แน่นอน สำหรับผู้ไคร่ครวญในสิ่งเหล่านี้ ย่อมมีสัญลักษณ์ของพระองค์แฝงอยู่[1]
อีกด้านหนึ่ง เด็กๆก็มีสิทธิที่จะมีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์ และแน่นอนว่าสุขอนามัยส่วนหนึ่งของของเด็กได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ ด้วยเหตุนี้ อิสลามจึงแนะนำให้หนุ่มสาวพิจารณาลักษณะนิสัยและสุขภาพของคนรักให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจมีครอบครัว ทั้งนี้ก็เพื่อให้บุตรหลานมีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์  ท่านนบี(..)กล่าวว่าจงเลือกเฟ้นสถานที่อันเหมาะสมสำหรับอสุจิของพวกท่าน เพราะแท้จริงแก่นแท้(ยีน)ถ่ายทอดกันได้[2]
อีกฮะดีษหนึ่งกล่าวว่าพึงหลีกเลี่ยงต้นกล้าเขียวที่งอกเงยจากกองขยะมีผู้ถามว่าโอ้ร่อซูลุลลอฮ์ สิ่งนั้นคืออะไรเล่า? ท่านตอบว่าสตรีผู้เลอโฉมที่เติบโตในครอบครัวที่ต่ำทราม[3]
ด้วยเหตุนี้ การตรวจสุขภาพทางพันธุกรรมจึงจำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพกายและใจของบุตรหลานที่จะเกิดมา

2. ดุอาและเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงดูบุตร
อิมามซัยนุลอาบิดีน(.)ได้สอนดุอาบทหนึ่งแก่สาวกของท่าน โดยให้อ่านเจ็ดสิบจบ แล้วจึงขอให้พระองค์ประทานบุตรให้ ซึ่งมีใจความว่าโอ้อัลลอฮ์ โอ้ผู้สืบสานที่ประเสริฐยิ่ง โปรดอย่าปล่อยให้ข้าพระองค์อยู่โดยลำพัง ขอทรงประทานผู้ช่วยเหลือแก่ข้าฯ เพื่อเป็นตัวแทนในขณะที่ข้าฯมีชีวิต และพร่ำขอลุแก่โทษหลังข้าฯเสียชีวิต โอ้อัลลอฮ์ ขอให้เขาเป็นผู้สืบทอดที่ครบถ้วนสมบูรณ์และพ้นการลวงล่อของชัยฏอน โอ้อัลลอฮ์ ข้าฯขออภัยโทษและขอคืนสู่พระองค์[4]

3. ปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการร่วมหลับนอน
จากเนื้อหาฮะดีษบางบททำให้ทราบว่าพฤติกรรมบางอย่างหรือเวลาบางช่วงเวลาไม่เหมาะแก่การร่วมหลับนอน เช่น
. ในวันที่เกิดสุริยุปราคาและคืนที่เกิดจันทรุปราคา
. ขณะตะวันตกดิน
. ระหว่างอะซานซุบฮิจนถึงช่วงตะวันขึ้น
. คืนแรกของแต่ละเดือน(นอกจากเดือนรอมฏอน)
. คืนสุดท้ายของแต่ละเดือน
. ร่วมหลับนอนหลังจากฝันเปียก
. ในสถานที่ๆมีเด็กอยู่และเห็นหรือได้ยินกามกิจ แม้จะไร้เดียงสาก็ตาม
. จ้องมองอวัยวะพึงสงวนของภรรยาขณะร่วมหลับนอน
. ร่วมหลับนอนในลักษณะไม่มีสิ่งใดปกปิดกายแม้แต่ชิ้นเดียว
๑๐. ในสถานที่ๆเปิดโล่งไร้เพดาน
๑๑. ผินหน้าหรือผินหลังให้กิบละฮ์
๑๒. ร่วมหลับนอนขณะที่อิ่มแปล้[5]
ประโยชน์บางประการที่จะได้รับจากคำแนะนำข้างต้น:
อบูสะอี้ด คุดรี รายงานว่า ท่านนบี(..)ได้ให้คำแนะนำแก่ท่านอลี(.)ว่าโอ้อลี จงงดกามกิจในคืนแรก คืนกลาง และคืนสุดท้ายของเดือน เพราะจะนำมาซึ่งความวิกลจริต  โรคเรื้อน ความพิกลพิการ และความบกพร่องทางปัญญาแก่ภรรยาและบุตร[6]
แม้ว่าฮะดีษบางบทจะมีสายรายงานที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่บางบทก็มีสายรายงานที่น่าเชื่อถือพอควร จึงควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าว อีกประเด็นที่ควรทราบก็คือ การระบุถึงผลลัพท์ทางกรรมพันธุ์เหล่านี้มิได้หมายความว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นเสมอไป แต่เป็นเพียงปัจจัยเชิงลบที่หากเกิดขึ้นพร้อมกับปัจจัยอื่นๆก็จะส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้ แต่หากไม่ครบ ผลเสียก็อาจไม่เกิดขึ้น ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันนักวิชาการบางท่านพิสูจน์แล้วว่า นอกจากดวงจันทร์จะทำปฏิกิริยาต่อปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง ยังทำปฏิกิริยากับร่างกายมนุษย์โดยเฉพาะขณะร่วมหลับนอนอีกด้วย[7] ฉะนั้น แม้จะยังพิสูจน์คำแนะนำทางศาสนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรมองข้ามคำแนะนำอันมีค่าเหล่านี้

4. บำรุงสุขภาพขณะตั้งครรภ์
การบริโภคอาหารที่ถูกสุขอนามัยจะส่งผลให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจที่เหมาะสม จึงควรบริโภคอาหารให้ครบห้าหมู่และอุดมด้วยแร่ธาตุ และดื่มน้ำให้เพียงพอเสมอ[8]
ท่านนบี(..)กล่าวไว้ว่าจงสนับสนุนสตรีมีครรภ์ให้รับประทานอินทผลัมในเดือนที่เธอจะคลอด เพื่อบุตรในครรภ์จะเป็นผู้อดทนและมีความยำเกรงในอนาคต[9]
อินทผลัมอุดมด้วยพลังงานที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งนี้เพราะยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นเท่าใด ความต้องการพลังงานก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งโดยปกติในช่วงสามเดือนแรก จำเป็นต้องได้รับอาหารที่อุดมด้วยพลังงาน150 กรัมเป็นอย่างต่ำ แต่หลังจากเดือนที่ห้าเป็นต้นไป เธอควรรับประทานอาหารประเภทนี้ถึง 225 กรัมต่อวันเป็นอย่างน้อย[10]
เป็นที่น่าภูมิใจที่ท่านนบี(..)รณรงค์ให้สตรีมีครรภ์รับประทานอินทผลัมในช่วงปลายระยะตั้งครรภ์ซึ่งจำเป็นต้องได้รับพลังงานมากเป็นพิเศษ  ท่านยังได้ใช้เหตุผล(ที่ว่าบุตรจะเป็นผู้อดทนและยำเกรง)เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คุณแม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนอีกด้วย
ท่านอิมามศอดิก(.)กล่าวว่าจงให้สตรีมีครรภ์รับประทานลูกเบะฮ์เพื่อบุตรจะได้มีหน้าตางดงาม[11]
ท่านนบี(..)กล่าวว่าสตรีมีครรภ์ที่รับประทานคัรบุเซะฮ์[12] จะได้บุตรที่งดงามและมีอัธยาศัยดี[13]
และท่านยังกล่าวอีกว่าจงบอกให้สตรีมีครรภ์รับประทานผลเบะฮ์[14] เพื่อลูกๆจะได้เป็นผู้มีกริยามารยาทดี[15]
อิมามริฎอ(.)กล่าวว่าการรับประทานลูกเบะฮ์จะช่วยเพิ่มเชาวน์ปัญญา[16]
และท่านยังกล่าวอีกว่าจงบอกให้สตรีมีครรภ์รับประทานคุนดุร[17] เพราะหากทารกในครรภ์เป็นผู้ชาย จะทำให้มีปัญญาเฉียบแหลม มีความรู้ และกล้าหาญ แต่หากเป็นผู้หญิง ก็จะทำให้มีหน้าตาและกริยามารยาทที่งดงาม ...ฯลฯ[18]

นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรระวังอาหารที่ฮะรอมหรือสงสัยว่าเป็นฮะรอมเป็นพิเศษ
ท่านนบี(..)กล่าวว่าผู้ใดกลืนกินอาหารที่ฮะรอม นมาซของเขาจะไม่เป็นที่ยอมรับถึงสี่สิบวัน ดุอาของเขาจะไม่ได้รับการตอบรับสี่สิบวัน เนื้อหนังมังสาที่เจริญจากอาหารฮะรอมจะถูกเผาด้วยไฟนรก ซึ่งอาหารเพียงคำเดียวก็สามารถทำให้เนื้อหนังมังสาเจริญได้[19]

5. ดูแลสุขภาพจิตช่วงตั้งครรภ์
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสร้างเสริมสุขภาพของคุณแม่และเด็กก็คือ การดูแลสุขภาพจิตและการได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างขณะตั้งครรภ์ หากคุณแม่รู้สึกว่าได้รับกำลังใจและการสนับสนุนจากคนรอบข้าง เธอย่อมจะสามารถอดทนต่อความยากลำบากช่วงตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี และจะให้กำเนิดลูกน้อยที่มีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์
อัลลอฮ์ได้เน้นย้ำถึงความยากลำบากในช่วงอุ้มท้อง เพื่อจะกำชับให้เรารำลึกถึงบุญคุณของบุพการี โดยเฉพาะมารดา[20] โองการเหล่านี้นับเป็นการให้กำลังใจคุณแม่ได้เป็นอย่างดี ท่านนบี(..)ได้กล่าวยกย่องระยะอุ้มท้องของสตรีไว้ว่าเมื่อสตรีตั้งครรภ์ ประหนึ่งว่าเธอถือศีลอดยามกลางวัน และหมั่นทำอิบาดัตยามราตรี[21]
อย่างไรก็ดี ความเครียดในระยะนี้เป็นอันตรายต่อครรภ์มารดา กล่าวกันว่า ความเครียดในระยะตั้งครรภ์เกิดขึ้นบ่อยกว่าช่วงหลังคลอดบุตรหลายเท่า ซึ่งส่งผลเสียร้ายแรงกว่าหลายเท่าในทำนองเดียวกัน อาการฟุ้งซ่านหลังคลอดบุตรเกิดขึ้นกับ10% ของมารดาทั่วไป ซึ่งบางรายหนักข้อถึงขั้นทำร้ายลูกตัวเองก็มี โรคเครียดและอารมณ์แปรปรวนนับเป็นอาการที่เกิดขึ้นบ่อยขณะตั้งครรภ์หรือหลังคลอดบุตร ซึ่งจะค่อยๆทุเลาลงไปเอง แต่หากอาการเหล่านี้ไม่ทุเลาลง ก็จะส่งผลให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียว รู้สึกผิด กระวนกระวายใจ ซึ่งเมื่อคำนึงถึงโองการและฮะดีษที่นำเสนอข้างต้น อาจช่วยป้องกันอาการเหล่านี้ได้.

6. ประกอบศาสนกิจ
ผลวิจัยระบุว่า ผู้ที่เคร่งครัดศาสนามักจะอายุยืนมากกว่าคนทั่วไป สาเหตุหนึ่งอาจเป็นผลจากการนมาซซึ่งช่วยลดความดันโลหิตได้ นักวิจัยพบว่าความดันโลหิตของมุสลิมต่ำกว่าศาสนิกอื่นๆ โดยที่คัดเลือกตัวอย่างวิจัยจากผู้ที่เคร่งครัดศาสนาที่ทำละหมาดทุกเวลา
ทั้งนี้ การปล่อยให้ความดันโลหิตสูงจะนำโรคร้ายมาสู่มนุษย์ เช่น โรคหัวใจเฉียบพลัน ความผิดปกติของหลอดเลือด ความผิดปกติของไต เพราะเหตุนี้ การประกอบศาสนกิจอย่างเช่น นมาซ หรือการดุอาของพ่อแม่จึงมีผลดีต่อพัฒนาการทางจิตใจของลูกโดยตรง และดังที่การอ่านกุรอานทำให้จิตใจของคุณแม่สงบ ทารกในครรภ์ได้รับอานิสงส์ดังกล่าวเช่นกัน 

สิ่งที่นำเสนอทั้งหมดในข้อเขียนนี้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของข้อควรปฏิบัติทั้งหมด ซึ่งนอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำอื่นๆอย่างเช่น การมองทิวทัศน์ที่สวยงาม[22] การหมั่นออกกำลังกาย[23]...ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นที่ยอมรับของอิสลาม ประเด็นดังกล่าวจึงไม่สามารถแจกแจงได้ทั้งหมดในข้อเขียนอันจำกัดนี้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาศึกษาจากตำราที่เกี่ยวข้อง



[1] อัรรูม,21 وَ مِنْ آیاتهِ أَنْ خَلَقَ لَکُم مِنْ أَنْفُسِکُمْ أًزواجاً ِلتسْکُنُوا إِلَیها وَ جَعَلَ بَیْنَکُمْ مَّوَدةً وَ رَحْمَةً إنَّ فی ذلِکَ لایاتٍ لِقومٍ یَتَفَکَّرونَ

[2] วะซาอิลุชชีอะฮ์,ฮุร อามิลี,เล่ม 3,หน้า 60.

[3] มะฮัจญะตุ้ลบัยฎออ์,เล่ม 2,หน้า 52.

[4] วะซาอิลุชชีอะฮ์,เล่ม 15,หน้า 106: 

رَبِّ لا تَذَرْنی‏ فَرْداً وَ أَنْتَ خَیْرُ الْوارِثین‏، واجعل لی من لدنک ولیا یرثنی فی حیاتی و یستغفرلی بعد موتی واجعله خلفا سویا و لاتجعل للشیطان فیه نصیبا، اللهم انی استغفرک و اتوب الیک انک انت الغفور الرحیم

[5] อ้างแล้ว,เล่ม 14,หมวดปฐมฤกษ์นิกาห์ และ บิฮารุ้ลอันว้าร,เล่ม 103,หน้า 281. และ ญะวาฮิรุ้ลกะลาม,เล่ม 29,หน้า 54.

[6] อ้างแล้ว.

[7] เว็บไซต์สำนักงานพณฯผู้นำสูงสุดประจำมหาวิทยาลัย.

[8] การดูแลสตรีและหญิงมีครรภ์,ดร.ฮุเซน นูรี,อาหารระยะตั้งครรภ์

[9] ดู: มะการิมุ้ลอัคล้าก,เล่ม1,หน้า 169. اطعموا المراة فى شهرها الذى تلد فیه التمر فان ولدها یکون حلیما، تقیا

[10] การเติบโตก่อนถือกำเนิด,ดร.มะฮ์นอซ ชะฮ์ร ออรอย,หน้า 49.

[11] มะการิมุ้ลอัคล้าก,เล่ม1,หน้า 372,ฮะดีษที่1230 . و اطعموه حبالاکم فانه یحسن اولادکم

[12] แคนตาลู้ปผลยาว

[13] มุสตั้ดร๊อก,เล่ม2,หน้า 635.

[14] ผลไม้ชนิดหนึ่งคล้ายแอปเปิ้ล มีกลิ่นหอม มีรสฝาดเล็กน้อย

[15] อ้างแล้ว,เล่ม3,หน้า 113,116.

[16] มะการิมุ้ลอัคล้าก,เล่ม1,หน้า 196.

[17] สมุนไพรชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายกรวดสีขุ่น

[18] อ้างแล้ว,เล่ม1,หน้า 192,193,196,222.

[19] الْفرْدَوْس، عَنِ النَّبِیِّ ص قَالَ مَنْ أَکَلَ لُقْمَةَ حَرَامٍ لَمْ تُقْبَلْ لَهُ صَلَاةٌ أَرْبَعِینَ لَیْلَةً وَ لَمْ تُسْتَجَبْ لَهُ دَعْوَةٌ أَرْبَعِینَ صَبَاحاً وَ کُلُّ لَحْمٍ یُنْبِتُهُ الْحَرَامُ فَالنَّارُ أَوْلَى بِهِ وَ إِنَّ 

اللُّقْمَةَ الْوَاحِدَةَ تُنْبِتُ اللَّحْم. (บิฮ้ารฯ,เล่ม 63,หน้า 314.)

[20] อัลอะห์ก้อฟ,15.

[20] وَ وَصَّیْنَا الْإِنْسانَ بِوالِدَیْهِ إِحْساناً حَمَلَتْهُ أُمُّهُ کُرْهاً وَ وَضَعَتْهُ کُرْهاً وَ حَمْلُهُ وَ فِصالُهُ ثَلاثُونَ شَهْراً حَتَّى إِذا بَلَغَ أَشُدَّهُ وَ بَلَغَ أَرْبَعینَ سَنَةً قالَ رَبِّ أَوْزِعْنی أَنْ أَشْکُرَ نِعْمَتَکَ الَّتی أَنْعَمْتَ عَلَیَّ وَ عَلى والِدَیَّ وَ أَنْ أَعْمَلَ صالِحاً تَرْضاهُ وَ أَصْلِحْ لی فی ذُرِّیَّتی إِنِّی تُبْتُ إِلَیْکَ وَ إِنِّی مِنَ الْمُسْلِمینَ

[21] วะซาอิลุชชีอะฮ์,เล่ม 21,หน้า 451 اذا حملت المراة کانت‏بمنزلة الصائم القائم المجاهد بنفسه و ماله فى‏سبیل الله...

[22] นักวิจัยพบว่าเมื่อคนเรามองใบหน้าที่สวยงาม จะกระตุ้นให้สมองส่วนหนึ่งเริ่มทำงาน อิสลามก็ถือว่าการมองทิวทัศน์ที่สวยงาม ตัวอักษรกุรอาน ใบหน้าที่งดงาม(ไม่รวมถึงการมองที่ไม่อนุมัติ) ล้วนมีอิทธิพลต่อสมองและใบหน้าของเด็ก

[23] นักวิจัยค้นพบสารที่เรียกว่า“เฟนิลติลามีน” ในร่างกายมนุษย์ ที่กระตุ้นให้สดชื่นหลังเล่นกีฬา และเป็นสารต่อต้านความหดหู่ นักวิจัยยังพบอีกว่าสารดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นถึง70% หลังเล่นกีฬา ซึ่งจะเข้าสู่สมองผ่านทางกระแสเลือด นักวิจัยจึงแนะนำให้คุณแม่ออกกำลังกายตามอัตภาพ เพื่อสุขภาพกายและใจของตนเองและลูกน้อยในครรภ์ โดยการบำบัดความเครียดด้วยวิธีนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักสำหรับคนทั่วไป จึงทำให้เป็นโรคเครียด, ดู: นิตยสารสตรีสาส์น,ฉบับที่ 118.

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ถ้าหากไม่รู้ประเด็นปัญหา ได้ฝังศพไปโดยไม่ได้ใส่พิมเสนบนอวัยวะทั้งเจ็ดแห่ง หน้าที่เราควรจะทำอย่างไร?
    6550 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/17
    หลังจากฆุซลฺมัยยิตแล้ว,วาญิบต้องฮุนูตให้แก่มัยยิต,หมายถึงให้เอาพิมเสนใส่ไปที่หน้าผาก, ฝ่ามือทั้งสองข้าง, หัวเข่าทั้งสองข้าง, และที่ปลายหัวแม่เท้าทั้งสองข้าง[1] แต่หลังจากฝังเรียบร้อยแล้ว เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ใส่พิมพ์เสนให้มัยยิต กรณีที่ศพที่อยู่ในหลุมยังมิได้เน่าเปื่อย หรือยังมิได้ส่งกลิ่นเหม็น, วาญิบต้องขุดศพและใส่พิมเสนในหลุมนั้นเลย โดยไม่จำเป็นต้องนำมัยยิตออกมาจากหลุม, แต่ถ้าเป็นสาเหตุนำไปสู่การไม่ให้เกียรติมัยยิต (เช่น มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา หรือร่างเน่าเปื่อยแล้วบางส่วน และ ...) ไม่วาญิบต้องใส่พิมเสนอีกต่อไป[2] คำถามข้อนี้, ไม่มีคำตอบเป็นรายละเอียด [1] อิมามโคมัยนี, เตาฎีฮุลมะซาอิล (มะฮัดชี), ค้นคว้าและแก้ไขโดย, บนีฮาชิมมี โคมัยนี้, ซัยยิดมุฮัมมัดฮุเซน, ...
  • จะเชื่อว่าพระเจ้าเมตตาได้อย่างไร ในเมื่อโลกนี้มีทั้งสิ่งดีและสิ่งเลวร้าย ความน่ารังเกียจและความสวยงาม?
    9001 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/07/10
    หากได้ทราบว่าพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้มีคุณลักษณะที่ดีที่สุดอีกทั้งยังสนองความต้องการของเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้าตลอดจนได้สร้างสรรพสิ่งอื่นๆเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่มนุษย์เมื่อนั้นเราจะรู้ว่าพระองค์ทรงมีเมตตาแก่เราเพียงใดส่วนความเมตตาของพระองค์ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆก็เข้าใจได้จากการที่พระองค์ทรงประทานชีวิตประทานศักยภาพในการดำรงชีวิตและมอบความเจริญเติบโตให้ด้วยเมตตาอย่างไรก็ดีในส่วนของสิ่งเลวร้ายและอุปสรรคต่างๆนานาที่มีในโลกนั้น
  • การบนบานแบบใหนสัมฤทธิ์ผลตามต้องการมากที่สุด?
    13883 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/28
    นะซัร(บนบานต่ออัลลอฮ์) คือวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ได้รับในสิ่งที่ต้องการซึ่งมีพิธีกรรมเฉพาะตัวอาทิเช่นจะต้องเปล่งประโยคเฉพาะซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาอรับตัวอย่างเช่นการเปล่งประโยคที่ว่า“ฉันขอนะซัรว่าเมื่อหายไข้แล้ว
  • ทัศนะอิสลามเกี่ยวกับการทำสงครามในเดือนต้องห้ามคืออะไร?
    12368 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/12/20
    บนพื้นฐานของโองการและรายงานต่างๆของเรา, จะพบว่าอิสลามมิได้เพียงแค่ห้ามการทำสงครามกันเฉพาะในเดือนต้องห้าม (ซุลเกาะดะฮฺ, ซุลฮิจญะฮฺ, มุฮัรรอม,
  • มีคำอรรถาธิบายอย่างไรเกี่ยวกับโองการที่เก้า ซูเราะฮ์ญิน?
    11609 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/04/02
    นักอรรถาธิบายกุรอานแสดงทัศนะเกี่ยวกับโองการประเภทนี้แตกต่างกัน นักอรรถาธิบายยุคแรกส่วนใหญ่เชื่อว่าควรถือตามความหมายทั่วไปของโองการ แต่“อาลูซี”ได้หักล้างแนวคิดดังกล่าวพร้อมกับนำเสนอคำตอบไว้ในตำราอธิบายกุรอานของตน นักอรรถาธิบายบางคนอย่างเช่นผู้ประพันธ์ “ตัฟซี้รฟีซิล้าล”ข้ามประเด็นนี้ไปอย่างง่ายดายเพราะเชื่อว่าโองการประเภทนี้เป็นเนื้อหาที่พ้นญาณวิสัยของมนุษย์ ส่วนบางคนก็อธิบายลึกซึ้งกว่าความหมายทั่วไป โดยเชื่อว่าฟากฟ้าที่เป็นเขตพำนักของเหล่ามลาอิกะฮ์นี้ เป็นมิติที่พ้นญาณวิสัยที่มีสถานะเหนือกว่าโลกของเรา ส่วนการที่กลุ่มชัยฏอนพยายามเข้าใกล้ฟากฟ้าดังกล่าวเพื่อจารกรรมข้อมูล จึงถูกกระหน่ำด้วยอุกกาบาตนั้น หมายถึงการที่เหล่าชัยฏอนต้องการจะเข้าสู่มิติแห่งมลาอิกะฮ์เพื่อจะทราบถึงเหตุการณ์ในอนาคต แต่ก็ถูกขับไล่ด้วยลำแสงของมิติดังกล่าวซึ่งชัยฏอนไม่สามารถจะทนได้ ...
  • ตามคำสอนของศาสนาอื่น นอกจากอิสลาม, สามารถไปถึงความสมบูรณ์ได้หรือไม่? การไปถึงเตาฮีดเป็นอย่างไร?
    10249 เทววิทยาใหม่ 2554/06/21
    แม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีความถูกต้องอยู่บ้างในบางศาสนาดั่งที่เราได้เห็นประจักษ์กับสายตาตัวเอง, แต่รูปลักษณ์ที่สมบูรณ์ของความจริงซึ่งได้แก่เตาฮีด, มีความประจักษ์ชัดเฉพาะในศาสนาอิสลามเท่านั้น, เหตุผลหลักสำหรับการพิสูจน์คำพูดดังกล่าว,คือการไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้การถูกบิดเบือนและความบกพร่องต่างๆทางปัญญาในศาสนาต่างๆขณะที่ด้านตรงข้าม, การไม่ถูกเปลี่ยนแปลงและไม่ถูกสังคายนาของอัลกุรอาน, มีหลักฐานและประวัติที่เชื่อถือได้, คำสอนที่ครอบคลุมของอิสลาม, การเข้ากันได้อย่างเป็นธรรมชาติของคำสอนอิสลามกับสติปัญญาสมบูรณ์ ...
  • ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) จะนำศาสนาใหม่และคัมภีร์ที่นอกเหนือจากอัลกุรอานลงมาหรือไม่?
    6333 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26200 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...
  • บทบาทของผู้เป็นสื่อในการสร้างความใกล้ชิดกับอัลลอฮฺคืออะไร?
    7885 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/21
    สื่อมีความหมายกว้างมากซึ่งครอบคลุมถึงทุกสิ่งหรือทุกภารกิจอันเป็นสาเหตุนำเราเข้าใกล้ชิดพระผู้อภิบาลได้ถือว่าเป็นสื่อขณะที่โลกนี้วางอยู่บนพื้นฐานของระบบเหตุและผล,สาเหตุและสิ่งเป็นสาเหตุ, ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการชี้นำมนุษย์ให้เจริญก้าวหน้าและพัฒนาไปสู่ความสมบูรณ์, ดังเช่นที่ความต้องการทางธรรมชาติของมนุษย์ทั้งหลายบรรลุและดำเนินไปโดยปัจจัยและสาเหตุทางวัตถุ, ความเมตตาอันล้นเหลือด้านศีลธรรมของพระเจ้า, เฉกเช่นการชี้นำทาง, การอภัยโทษ, การสอนสั่ง, ความใกล้ชิดและความสูงส่งของมนุษย์ก็เช่นเดียวกันวางอยู่บนพื้นฐานของระบบอันเฉพาะเจาะจงซึ่งได้ถูกกำหนดสำหรับมนุษย์แล้วโดยผ่านสาเหตุและปัจจัยต่างๆแน่นอนถ้าปราศจากปัจจัยสื่อและสาเหตุเหล่านี้ไม่อาจเป็นไปได้แน่นอนที่มนุษย์จะได้รับความเมตตาอันล้นเหลือจากพระเจ้าหรือเข้าใกล้ชิดกับพระองค์อัลกุรอานหลายโองการและรายงานจำนวนมากมายได้แนะนำปัจจัยและสาเหตุเหล่านั้นเอาไว้และยืนยันว่าถ้าปราศจากสื่อเหล่านั้นมนุษย์ไม่มีวันใกล้ชิดกับอัลลอฮฺได้อย่างแน่นอน ...
  • คำจำกัดความของท่านเกี่ยวกับวิทยาการ สติปัญญา และศาสนาเป็นอย่างไร ระหว่างทั้งสามมีความแตกต่างกันอย่างไร และประเด็นนี้มีความถูกต้องและเป็นไปได้อย่างไร ถูกต้องหรือไม่ที่ว่าแหล่งที่มาของความรู้ทั้งอยู่ในอัลกุรอาน ประเด็นนี้มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด
    7857 เทววิทยาใหม่ 2554/03/08
    คำว่าความรู้นั้นมี 3 ความหมายกับ 2 นิยามกล่าวคือ :บางครั้งคำว่าอิลม์หมายถึงความรู้บางครั้งหมายถึงวิทยาการและบางครั้งก็หมายถึงสิ่งที่ได้ถูกรู้แล้ว

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60505 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58076 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42613 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39969 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39243 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34361 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28427 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28338 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28265 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26200 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...