การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
8384
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/01/23
 
รหัสในเว็บไซต์ fa11599 รหัสสำเนา 21052
คำถามอย่างย่อ
แนวทางความคุ้นเคยกับอัลกุรอาน และความหลงใหลคืออะไร?
คำถาม
ถ้าหากมีวัยรุ่นต้องการคำแนะนำจากท่าน ให้ช่วยโน้มน้าวเขาไปสู่อัลกุรอาน หรือมีความรักต่ออัลกุรอาน ท่านจะมีวิธีการแนะนำเขาอย่างไร?
คำตอบโดยสังเขป

ถ้าหากท่นได้อ่านอัลกุรอาน, เพียงแค่เนียตเพื่ออัลลอฮฺ พร้อมกับใคร่ครวญและปฏิบัติตาม, เท่านี้ความรักในอัลกุรอาน ก็จะเกิดขึ้นโดยปริยาย และจะทำให้มนุษย์มีความรักต่ออัลกุรอาน

คำตอบเชิงรายละเอียด

อะดีซจากท่านอิมามซอดิก (.) กล่าวว่า ความถูกต้องอันอมตะคือ ผลพวงที่เกิดจากความมักคุ้นที่มีต่ออัลกุรอาน นับตั้งแต่วัยเด็กเรื่อยมา :

เยาวชนทุกคนที่มีศรัทธา ได้อ่านอัลกุรอาน ฟังอัลกุรอาน และอัลกุรอานได้ผสมผสานเข้าไปในเนื้อหนังมังสาของเขา พระผู้เป็นเจ้าจะจัดให้เขาอยู่ในแถวเดียวกันกับมลาอิกะฮฺ และอัลกุรอาน และจะกลายเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องเขาในวันฟื้นคืนชีพ..ดังนั้น ถ้าเขายิ่งมีความอดทนอดกลั้นมากเท่าใด ผลรางวัลของเขาก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น[1]

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการที่จะได้รับประโยชน์ด้านจิตวิญญาณของอัลกุอานนั้น จำเป็นต้องรักษาเงื่อนไขสำคัญเอาไว้ ซึ่งสำคัญที่สุดของเงื่อนไขเหล่านั้นคือ การเอาใจใส่เรื่องความสำรวมตนต่ออัลลอฮฺ มนุษย์จำเป็นต้องปฏิบัติตนให้เข้ากับอัลกุรอาน ทั้งสองด้าน เขาจำเป็นต้องรับทุกคำแนะนำสั่งสอนของอัลกุรอาน แล้วต้องปฏิบัติตามคำสอนเหล่านั้น เพื่อว่าจะได้ทำให้จิตใจของตนมีความสูงส่ง และได้รับประโยชน์จากด้านอื่นของอัลกุรอาน มิเช่นนั้นแล้ว การล่วงรู้ในคำแนะนำสั่งสอนของอัลกุรอาน หรือการอ่านอัลกุรอาน เพียงอย่างเดียวไม่สามารถปลดเปลื้องปมเงื่อนงำในกิจการงานของเขาได้ดอก

โปรดพิจารณาโองการอัลกุรอาน เกี่ยวกับประเด็นนี้ :

1. และเราได้ให้ส่วนหนึ่งจากอัลกุรอานลงมา ซึ่งเป็นการบำบัดและความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธา แต่อัลกุรอานมิได้เพิ่มอันใดแก่พวกอธรรม นอกจากการขาดทุนเท่านั้น[2]

2. “จงกล่าวเถิด "อัลกุรอานนั้นเป็นแนวทางที่เที่ยงธรรมและเป็นการบําบัดแก่บรรดาผู้มีศรัทธา ส่วนบรรดาผู้ไม่มีศรัทธานั้น ในหูของพวกเขามีจะหนวก และอัลกุรอานเป็นความบอดสำหรับพวกเขา ชนเหล่านี้จะถูกร้องเรียกจากสถานที่อันไกล"[3]

3. “แท้จริง อัลกุรอานนี้ชี้นำกลุ่มชนสู่ทางที่เที่ยงตรงยิ่ง และแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาที่ประกอบความดี[4]

4. “ดังนั้น เจ้าจงตักเตือนด้วยอัลกุรอานนี้แก่ผู้กลัวการลงโทษของฉันให้ระวัง[5]

บนพื้นฐานดังกล่าวนี้เอง, ก่อนที่จะอ่านอัลกุรอาน,จงหลีกเลี่ยงจากชัยฏอนไปสู่การคุ้มครองของอัลลอฮฺเถิดดังนั้น เมื่อเจ้าอ่านอัลกุรอาน ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากชัยฏอนที่ถูกอเปหิ[6] และเมื่ออ่านอัลกุรอาน, จงรำลึกถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ของพระผู้อภิบาลเถิด, และจงอย่าทำตนเยี่ยงคนหูหนวกตาบอดและบรรดาผู้ที่เมื่อถูกกล่าวเตือนให้รำลึกถึงโองการทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของ พวกเขา พวกเขาจะไม่ผินหลังให้เป็นสภาพเช่นคนหูหนวกตาบอด[7] ทว่าพวกเธอจงก้มกราบศีรษะแนบพื้นดินด้วยน้ำตาและความความสำรวมเมื่ออัลกุรอานได้ถูกอ่านแก่พวกเขาแล้ว พวกเขาจะหมอบลง ใบหน้าจรดพื้นเพื่อกราบสุญด"[8] และหลังจากนั้นเมื่อได้ยินคำสอนของอัลกุรอาน สรรพลางของเขาจะสั่นด้วยความหวาดกลัว “. อัลลอฮฺได้ทรงประทานพระวจนะที่ดียิ่งลงมาเป็นคัมภีร์คล้องจองกันกล่าวซ้ำกัน ผิวหนังของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกตนจะมีขนลุกชัน แล้วผิวหนังของพวกเขาและหัวใจของพวกเขาจะสงบลงเพื่อรำลึกถึงอัลลอฮฺ นั่นคือการชี้นำทางของอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงชี้นำทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้เขาหลงทาง เขาก็จะไม่มีผู้ชี้นำทาง[9]

และเหล่านี้คือเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นถึงความรักหลงใหลต่ออัลกุรอาน ที่มีอยู่ในตัวมนุษย์และทุกท่วงท่าของชีวิตเขาจะขอความช่วยเหลือจากอัลกุรอาน และเขาจะเป็นผู้ช่วยเหลืออัลกุรอานที่ดีที่สุด ดังบทกวีของท่านฮาฟิซ ชีรอซียฺกล่าวว่า:

ความรักเมื่อสุกงอมถึงขั้น ก็จะกลายเป็นส่งปกป้องตัวคุณ

จงอ่านกุรอานด้วยความใคร่ครวญและสำนึก

 แล้วเวลานั้นจงพิจารณาอัลกุรอานด้วยความรัก ท่านก็จะสามารถติดตามการเติบโตทางจิตวิญญาณและความเป็นเลิศได้ :

 เมื่อตืนนอนยามเช้าฉันกำได้พบกับความสลามัตและการปกป้อง

 ทุกสิ่งที่ฉันมีทั้งหมดมาจากอัลกุรอาน

ในทางกลับกัน, ถ้าเป้าหมายของการเรียนรู้หรือการอ่านอัลกุรอาน, เพื่อเป็นปฏิปักษ์แล้วละก็ชีวิตแห่งโลกนี้ก็จะล่อลวงพวกเขาเพราะพวกเจ้าได้ยึดถือเอาสัญญาณต่าง  ของอัลลอฮฺเป็นของล้อเลียน และชีวิตแห่งโลกนี้ได้ล่อลวงพวกเจ้า[10] หรือมีเป้าหมายเพื่อวัตถุปัจจัยหรือความเห็นแก่ตัวในการสร้างความสัมพันธ์กับอัลกุรอาน, นอกจากจะไม่มีความก้าวหน้าหรือเติบโตทางจิตวิญญาณแล้ว, ทว่าความสัมพันธ์ของเขา  พระผู้อภิบาลเขาจะมิได้เป็นผู้มีความสัมพันธ์ต่ออัลกุรอานเลยแม้แต่น้อย ทว่าเขาจะถูกทำให้ตกต่ำเสียด้วยซ้ำไป มีรายงานจำนวนมากมายกล่าวถึงประเภทความสัมพันธ์ที่มีต่ออัลกุรอาน ซึ่งได้รับการวิเคราะห์วิจัยไว้มากมาย ซึ่งจะขอหยิบยกเป็นตัวอย่างดังนี้ :

1.ท่านศาสดา (ซ็อล ) กล่าวว่า : ประชาชาติที่ดีที่สุดคือ ผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน, นมาซและศีลอดไม่ว่าจะอยู่ในที่ลับสายตา หรือที่เปิดเผย,อัลกุรอานก็อยู่ในใจของเขามาโดยตลอด, ดังนั้น จะมีเสียงประกาศดังขึ้นว่า : โอ้ บุคคลที่อัลกุรอานอยู่ในใจของพวกเขา จงแสดงความนอบน้อมถ่อมตนกับอัลกุรอาน เถิดเพื่ออัลลอฮฺจะทรงเพิ่มพูนความเข้มแข็งในการยืนหยัดแก่ท่าน และจงอย่าแสวงหาความไม่ภาคภูมิใจจากคัมภีร์กุรอาน เนื่องจากอัลลอฮฺทรงให้กาลเวลามีชีวิตด้วยอัลกุรอาน, ดังนั้น จงประประดับประเวลาชีวิตของตนด้วยการปรากฏตัว  เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ เพื่อว่าอัลลอฮฺจะทรงเพิ่มพูนการประดับประดาในตัวท่าน และจงอย่านำเอาอัลกุรอาน เป็นสิ่งประดับประดาตัวท่าน  ประชาชน เพราะอัลลอฮฺ จะกระชากท่านให้หน้าคะมำลงมา เวลานั้นจงอ่านอัลกุรอานให้ดียิ่ง, ประหนึ่งวามิได้สัมพันธ์อยู่กับวะฮฺยู แตะสาส์นของนบูวัตได้อยู่ในใจท่านตลอดเวลา เมื่อท่านอยู่กับอัลกุรอาน ท่านก็จะไม่ปฏิบัติตัวเยี่ยงคนโง่เขลาเบาปัญญา ที่ไม่รู้เรื่องใดๆ , ท่านจะไม่กริ้วโกรธหรือบันดาลโทสะเมื่อประสบกับความโมหะของคนอื่น, ท่านจะไม่ระรานด้วยการระรานของคนอื่น, ทว่าเพื่อให้เกียรติในความยิ่งใหญ่ของอัลกุรอาน ท่านจะอดทน ให้อภัย และปกปิดสายตาจากพฤติกรรมไม่ดีของพวกเขา ...”[11]

2. ท่านอิมามบากิร (.) กล่าวว่า : นักอ่านอัลกุรอานแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน กล่าวคือ :

กลุ่มที่หนึ่ง : บุคคลหนึ่งได้ให้อัลกุรอานเป็นสื่อในการแสวงหาเครื่องยังชีพสำหรับตน เขาจะอ่านอัลกุรอานต่อหน้าชนชั้นผู้ปกครอง และจะขายเกียรติยศของเขาแก่ประชาชน

กลุ่มที่สอง : พวกเขาอ่านอัลกุรอานด้วยการพึงระมัดระวังความสมดุลภายนอก มีความตั้งใจอันเพียงพอ แต่จะหลงลืมคำสั่งสอนของอัลกุราอน ดังนั้น อัลลอฮฺ จะไม่ทรงเพิ่มพูนสิ่งในแก่นักอ่านเหล่านี้

กลุ่มที่สาม : พวกเขาได้อ่านอัลกุรอานโดยนำเอาโอสถของอัลกุรอาน มาบำบัดเยียวยาอาการป่วยไข้ และความเจ็บปวดแห่งจิตวิญญาณของตน เขาได้ท่องไปกับอัลกุรอานทั้งในยามทิวาและราตรี เขาได้ยื่นหยัดนมาซ และตื่นจากที่นอนด้วยด้วยอัลกุรอาน และนักอ่านอัลกุรอานกลุ่มนี้เองที่พระผู้อภิบาลทรงถอดถอนการลงโทษ และการทดสอบต่างๆ ออกไปเนื่องด้วยความสิริมงคลที่มาจากพวกเขา และพระองค์ยังทรงให้ห่างไกลจากบรรดาศัตรู ทรงประทานฝนแห่งความเมตตาจากฟากฟ้าให้หลั่งไหลสู่พื้นดิน เนื่องจากพวกเขา[12]

3.ญาบิรได้สนทนาถึงความศักดิ์สิทธิ์ของอัลกุรอาน ซึ่งมีบางกลุ่มชนเมื่อได้อ่านหรือได้ยินอัลกุรอาน เนื่องจากแรงโน้มน้าวของอัลกุรอาน พวกเขาจะสลบหมดสติไป ถึงขึ้นที่ฉันคิดว่าถ้าหากในช่วงนั้นจับเขาตัดมือและเท้า เขาก็จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ท่านศาสดา (ซ็อล ) กล่าวว่า : ซุบฮานัลลอฮฺ นี่คือแนวทางของชัยฎอน อัลลอฮฺ มิทรงปรารถนาสิ่งนี้จากพวกเขา ทว่าการอ่านอัลกุรอ่านต้องทำให้จิตใจอ่อนนุ่มและมีความเยือกเย็น มีสัมมาคารวะ ร่ำไห้และมีความเกรงกลัวต่อพระองค์[13]



[1] กุลัยนียฺ, มุฮัมมัด บินยะอฺกูบ,กาฟียฺ, เล่ม 2 หน้า 603, ฮะดีซที่ 4, ดารุลกุตุบ อัลอิสลามียะฮฺ, เตหะราน ปี 1365.

[2] อัลกุรอาน บทอัลอิสรอ, 82.

[3] อัลกุรอาน บทฟุซลัต,44

[4] อัลกุรอาน บทอัลอิสรอ, 9

[5] อัลกุรอาน บทก็อฟ, 45

[6] อัลกุรอาน บทนะฮฺลุ,98

[7] อัลกุรอาน บทฟุรกอน, 73

[8] อัลกุรอาน บทมัรยัม, 58, บทอิสรออฺ 107, 109.

[9] อัลกุรอาน บทอัซซุมัร, 23

[10] อัลกุรอาน บทญาซียะฮฺ, 35.

[11] อุซูลกาฟียฺ, เล่ม 2 หน้า 604, ฮะดีซที่ 1

[12] อ้างแล้วเล่มเดิม, หน้า 627, ฮะดีซที่ 1

[13] อ้างแล้วเล่มเดิม, หน้า 616, ฮะดีซที่ 1

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • บุคลิกของอบูดัรดาอฺ เป็นเชนไร? อะฮฺลุลบัยตฺมีทัศนะอย่างไรกับเขา? รายงานที่เป็นมันกูลจากเขามีกฎเป็นอย่างไร?
    10047 تاريخ بزرگان 2555/04/07
    อุมัรบิน มาลิก เป็นลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากเผ่า คัซร็อจญฺ ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียกด้วยชื่อเล่นว่า อบูดัรดาอฺ เขาเป็นหนึ่งในเซาะฮาบะฮฺ (สหาย) ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และอยู่ในฐานะของผู้สืบเชื้อสายมาจากเผ่าคัซร็อจญฺ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในมะดีนะฮฺ แต่หลังจากที่ท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) ได้เดินทางมามะดีนะฮฺได้ไม่นานนัก เขาก็เข้าพบท่านเราะซูล และได้ยอมรับอิสลาม อบูดัรดาอฺ คือผู้ที่ยืนยันว่าท่านอะลี (อ.) มีความดีและประเสริฐยิ่งกว่ามุอาวิยะฮฺมาก,เขาได้เข้าไปหามุอาวิยะฮฺพร้อมกับอบูฮุร็อยเราะฮฺ และเขาได้เชิญชวนมุอาวิยะฮฺให้เชื่อฟังปฏิบัติท่านอิมามอะลี (อ.), ครั้นเมื่อมุอาวิยะฮฺได้นำเอาเรื่องการสังหารอุสมานมาเป็นข้ออ้าง โดยอ้างว่าให้ท่านอิมามอะลีช่วยส่งคนสังหารอุสมานมาให้เขา หลังจากนั้นเขาได้ส่งอบูดัรดาอฺ และอบูฮุร็อยเราะฮฺมาหาท่านอิมาม อะลี (อ.) เพื่อขอตัวคนสังหารอุสมาน เพื่อสงครามการนองเลือดจะได้สิ้นสุดลง แล้วทั้งสองก็กลับมาหาท่านอิมามอะลี แต่ท่านมาลิกอัชตัรได้พบกับพวกเขาก่อน และได้ประณามพวกเขาอย่างรุนแรง พวกเขาจึงตัดสินใจไม่ไปพบท่านอิมามอะลีแล้ว, วันที่สองเมื่อความต้องการของพวกเขาได้แจ้งให้ท่านอิมามอะลี ได้รับทราบ พวกเขาจึงได้พบกับผู้จำนวนนับหมื่นคนแล้วประกาศแก่ทั้งสองว่า พวกเขานั่นแหละเป็นคนสังหารอุสมาน, ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทั้งสองสิ้นหวังและกลับไปยังเมืองของตน และได้รับการประณามหยามเหยียดจาก อับดุรเราะฮฺมาน บิน ...
  • กรุณาอธิบายวิธีตะยัมมุมแทนที่วุฎูอฺและฆุซลฺ ว่าต้องทำอย่างไร?
    10881 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/17
    จะทำตะยัมมุมอย่างไร การตะยัมมุมนั้นมี 4 ประการเป็นวาญิบ: 1.ตั้งเจตนา, 2. ตบฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนสิ่งที่ทำตะยัมมุมกับสิ่งนั้นแล้วถูกต้อง, 3. เอาฝ่ามือทั้งสองข้างลูบลงบนหน้าผากตั้งแต่ไรผม เรื่อยลงมาจนถึงคิ้ว และปลายมูก อิฮฺติยาฏวาญิบ, ให้เอาฝ่ามือลูบลงบนคิ้วด้วย, 4. เอาฝ่ามือข้างซ้ายลูบหลังมือข้างขวา, หลังจากนั้นให้เอาฝ่ามือข้างขวาลูบลงหลังมือข้างซ้าย คำวินิจฉัยของมัรญิอฺบางท่าน กล่าวถึงการตะยัมมุมแทนวุฎูอฺ และฆุซลฺ ไว้ดังนี้: หนึ่ง. การตะยัมมุมแทนทีฆุซลฺ, อิฮฺยาฏมุสตะฮับ หลังจากทำเสร็จแล้วให้เอาฝ่ามือทั้งสองข้างตบลงบนฝุ่นอีกครั้ง (ตบครั้งที่สอง) หลังจากนั้นให้เอาฝ่ามือลูบลงที่หลังมือข้างขวาและข้างซ้าย[1] มัรญิอฺ บางท่านแสดงความเห็นว่า สิ่งที่เป็นมุสตะฮับเหล่านี้ สมควรทำในตะยัมมุม ที่แทนที่ วุฎูดฺด้วย
  • อิมามโคมัยนีเชื่อว่าการร่ำไห้และการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซน(อ.)สามารถรักษาอิสลามให้คงอยู่ถึงปัจจุบันไช่หรือไม่? เพราะเหตุใด?
    8472 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/08
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • อัมร์ บิน อ้าศมีอุปนิสัยอย่างไรในประวัติศาสตร์?
    10765 تاريخ بزرگان 2554/08/02
    อัมร์ บิน อ้าศ บิน วาอิ้ล อัสสะฮ์มี โฉมหน้านักฉวยโอกาสที่แฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ถือกำเนิดจากหญิงที่ชื่อ“นาบิเฆาะฮ์” บิดาของเขาคืออ้าศ บิน วาอิ้ล เป็นมุชริกที่เคยถากถางเยาะเย้ยท่านนบีด้วยคำว่า“อับตัร”หลังจากกอซิมบุตรของท่านนบีถึงแก่กรรมในวัยแบเบาะ ซึ่งหลังจากนั้น อัลลอฮ์ได้ประทานอายะฮ์ “ان شانئک هو الابتر” เพื่อโต้คำถากถางของอ้าศอัมร์ บิน อ้าศ เป็นที่รู้จักในเรื่องความเจ้าเล่ห์ ในสมัยที่อิมามอลี(อ.)ดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ เขากลายเป็นมือขวาของมุอาวิยะฮ์ในสงครามศิฟฟีนเพื่อต่อต้านท่าน และสามารถล่อลวงทหารฝ่ายอิมามเป็นจำนวนมาก ท้ายที่สุดก็ใช้เล่ห์กลหลอกอบูมูซา อัลอัชอะรี เพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่มุอาวิยาะฮ์ ท้ายที่สุดได้รับแต่งตั้งโดยมุอาวิยะฮ์ให้เป็นผู้ปกครองเมืองอิยิปต์ ...
  • เหตุใดโองการที่สาม ซูเราะฮ์อัลอินซานที่ว่า اما شاکرا و اما کفورا กล่าวถึงการขอบคุณในรูปของอิสมุ้ลฟาอิ้ล แต่ในส่วนของการปฏิเสธกลับใช้ในรูปของศีเฆาะฮ์ มุบาละเฆาะฮ์
    10386 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/18
    คำว่า “ชากิร” เป็นอิสมุ้ลฟาอิ้ลจากรากศัพท์ “ชุกร์” และ กะฟู้ร เป็นศีเฆาะฮ์ มุบาละเฆาะฮ์จากรากศัพท์ “กุฟร์” เหตุที่คำหนึ่งใช้ในรูปอิสมุ้ลฟาอิ้ล และอีกคำหนึ่งใช้ในรูปศีเฆาะฮ์ มุบาละเฆาะฮ์นั้น นักอรรถาธิบายให้ทัศนะไว้ว่า เนื่องจากจำนวนของชากิร (ผู้ขอบคุณ) มีน้อยกว่าผู้ลำเลิกบุญคุณ จึงใช้อิสมุ้ลฟาอิ้ลกับการขอบคุณ และใช้ศีเฆาะฮ์มุบาละเฆาะฮ์กับการลำเลิก[1]ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์ให้ทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า ...
  • จริงหรือไม่ที่บางคนเชื่อว่าพระเจ้าเป็นเพียงแค่พลังงานเท่านั้น?
    6831 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/08/23
    อัลลอฮ์ทรงดำรงอยู่โดยไม่พึ่งพาสิ่งใดทรงปรีชาญาณทรงมีเจตน์จำนงและปราศจากข้อจำกัดและความบกพร่องทุกประการแต่พลังงานยังมีข้อบกพร่องและข้อจำกัดมากมายอีกทั้งยังปราศจากความรู้และการตัดสินใจเมื่อเทียบคุณสมบัติของพลังงานกับคุณลักษณะของพระเจ้าก็จะทราบว่าพระเจ้ามิไช่พลังงานอย่างแน่นอนเนื่องจาก: พลังงานคือสิ่งที่ขับเคลื่อนให้เกิดกริยาและปฏิกริยาต่างๆโดยพลังงานมีลักษณะที่หลากหลายไม่ตายตัวและสามารถผันแปรได้หลายรูปแบบพลังงานมีคุณสมบัติเด่นดังนี้1. พลังงานมีสถานะตามวัตถุที่บรรจุ2. พลังงานมีแหล่งกำเนิด3. พลังงานมีข้อจำกัดบางประการ4. พลังงานเปลี่ยนรูปได้แต่อัลลอฮ์มิได้ถูกกำกับไว้โดยวัตถุใดๆ
  • หากต้องการรับประทานอาหาร จะต้องขออนุญาตจากเจ้าของบ้านก่อนหรือไม่?
    5860 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/17
    ในทัศนะของอิสลามแน่นอนว่าอาหารที่เราจะรับประทานนั้นนอกจากจะต้องฮะลาลและสะอาดแล้วจะต้องมุบาฮ์ด้วยกล่าวคือเจ้าของจะต้องยินยอมให้เรารับประทานและเราจะต้องรู้ว่าเขาอนุญาตจริงการรับประทานอาหารของผู้อื่นโดยที่เขาไม่อนุญาตถือว่าเป็นฮะรอมแต่ในกรณีที่เจ้าบ้านได้เชิญแขกมาที่บ้านเพื่อเลี้ยงอาหารโดยอำนวยความสะดวกให้และจัดเตรียมอาหารไว้ต้อนรับ
  • ความตายคืออะไร และเราสามารถยึดเวลาความตายออกไปได้ไหม ?
    10781 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    ความตายในทัศนะของนักปรัชญาอิสลามหมายถึงจิตวิญญาณได้หยุดการบริหารและแยกออกจากร่างกายแน่นอนทัศนะดังกล่าวนี้ได้สะท้อนมาจากอัลกุรอานและรายงานซึ่งตัวตนของความตายไม่ใช่การสูญสิ้นส่วนในหลักการของอิสลามมีการตีความเรื่องความตายแตกต่างกันออกไปซึ่งทั้งหมดมีจุดคล้ายเหมือนกันอยู่ประการหนึ่งกล่าวคือความตายไม่ใช่ความสูญสิ้นหรือดับสูญแต่อย่างใดทว่าหมายถึงการเปลี่ยนหรือการโยกย้ายจากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่งเนื่องจากมนุษย์นั้นประกอบไปด้วยร่างกายและจิตวิญญาณอีกอย่างหนึ่งความตายเท่ากับเป็นหยุดการทำงานของร่างกายภายนอกส่วนจิตวิญญาณได้โยกย้ายเปลี่ยนไปอยู่ยังปรโลกด้วยเหตุนี้ความตายจึงได้ถูกสัมพันธ์ไปยังมนุษย์
  • เป็นไปได้อย่างไรที่คนเราจะรักและกลัวอัลลอฮ์ในขณะเดียวกัน?
    6244 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/23
    ความหวังความรักและความกริ่งเกรงที่มีต่ออัลลอฮ์ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใดเพราะความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตของเราทุกคนเป็นปกติเพียงแต่เราอาจจะเคยชินเสียจนไม่รู้ตัวแม้แต่การเดินเหินตามปกติของเราก็เกิดจากปัจจัยทั้งสามประการดังกล่าวเนื่องจากหากไม่มีความหวังเราก็จะไม่ก้าวเท้าเดินและหากไม่ก้าวเท้าเดินก็จะไม่มีวันถึงจุดหมายและหากไม่มีความกลัวเราก็จะไม่ระวังตัวจนอาจประสบอุบัติเหตุได้ซึ่งก็จะทำให้ไม่สามารถไปถึงจุดหมายได้เช่นกันตัวอย่างที่ชัดเจนอีกประการก็คือการใช้สอยเครื่องอำนวยความสะดวกเช่นยานพาหนะเครื่องใช้ไฟฟ้าเตาแก๊สฯลฯเรามีความสุขและรักที่จะใช้สอยสิ่งเหล่านี้แต่หากเราใช้สอยโดยไม่ระมัดระวังและไม่เกรงภัยที่อาจเกิดขึ้นเครื่องอำนวยความสะดวกเหล่านี้ก็อาจเป็นอันตรายแก่เราได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้เองการผนวกความรักความกลัวและความหวังเข้าด้วยกันจึงไม่ไช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ในกรณีของอัลลอฮ์ก็เช่นกันควรต้องกริ่งเกรงรักและคาดหวังในพระองค์ในเวลาเดียวกันทั้งนี้ก็เนื่องจากความรักและความหลงใหลในพระองค์จะสร้างแรงบันดาลใจให้มนุษย์เคลื่อนไหวสู่การปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์พึงพอพระทัยเพื่อให้ได้รับความการุณย์และลาภเนียะมัตต่างๆทั้งในโลกนี้และโลกหน้าส่วนความกริ่งเกรงก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้ต้องนอบน้อมยอมสยบต่อคำบัญชาของพระองค์และพยายามหลีกห่างกิเลสตัณหาและปัจจัยต่างๆที่จุดเพลิงพิโรธของพระองค์ การจับคู่กันระหว่างความหวังและความกลัวนี้จะทำให้บุคคลทั่วไปได้อยู่เย็นเป็นสุขและปราศจากความหวาดผวาในโลกหน้าเนื่องจากโลกนี้คือสถานที่หว่านเมล็ดพันธุ์เมล็ดที่หว่านไปต้องได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามเพื่อรอให้ถึงวันเก็บเกี่ยวผลผลิตและในวันเก็บเกี่ยวผลผลิตย่อมไม่จำเป็นต้องมีการปกป้องใดๆอีกต่อไป โดยลำพังแล้วความกลัวจะนำมาซึ่งความท้อแท้ความเบื่อหน่ายและความเครียดส่วนความหวังและความรักนั้นหากไม่กำกับไว้ด้วยความกลัวก็จะนำพาสู่ความลำพองตนความดื้อรั้นซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคุณสมบัติที่ไม่พึงประสงค์ทั้งสิ้น ...
  • ทั้งที่ท่านอิมามอลี (อ.) ทราบถึงเจตนาชั่วของอิบนิ มุลญัม เหตุใดท่านจึงไม่ปกป้องชีวิตตนเอง?
    6874 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/29
    เหตุผลที่ท่านอิมามอลีไม่แก้ไขเหตุที่จะเกิดในอนาคตก็คือ:1.ความรู้ระดับทั่วไปคือหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติภารกิจ:เพื่อเป็นการเคารพกฏเกณฑ์ของอัลลอฮ์ท่านอิมามจึงเลือกที่จะปฏิบัติหน้าที่เสมือนบุคคลทั่วไปโดยจะไม่ปฏิบัติตามความรู้แจ้งเห็นจริงเนื่องจากว่าหากท่านจะปฏิบัติตามญาณวิเศษย่อมจะไม่สามารถเป็นแบบฉบับแก่บุคคลทั่วไปได้เพราะบุคคลทั่วไปไม่มีญาณวิเศษ2. กลไกของโลกดุนยาตั้งอยู่บนพื้นฐานของการทดสอบซึ่งหากจะปฏิบัติตามญาณวิเศษก็ย่อมจะทำให้กลไกดังกล่าวเสียหายเนื่องจากจะทำลายชีวิตประจำวันของผู้คนสรุปคือแม้ว่าอิมามอลีมีหน้าที่ต้องรักษาชีวิตเสมือนบุคคลทั่วไปแต่ทว่าประการแรก: หน้าที่ดังกล่าวอยู่ในขอบเขตความรู้ทั่วไปมิไช่ญาณวิเศษประการที่สอง: คู่กรณีของท่าน(อิบนิมุลญัม)

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60534 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58122 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42655 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40024 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39270 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34390 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28454 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28382 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28300 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26234 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...