การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
11328
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/09/04
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1293 รหัสสำเนา 16376
คำถามอย่างย่อ
มะลาอิกะฮ์แห่งความตายจะปลิดวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกประเภทหรือไม่?
คำถาม
มะลาอิกะฮ์แห่งความตายจะปลิดวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกประเภทหรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป

เมื่อพิจารณาถึงนัยยะที่ค่อนข้างกว้างของฮะดีษต่างๆ ทำให้เข้าใจได้ว่ามะลาอิกะฮ์แห่งความตาย(อิซรออีล)คือหัวหน้าของเหล่านักเก็บวิญญาณ ซึ่งจะเก็บวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
ที่สำคัญคือต้องทราบว่าอัลลอฮ์คือผู้บัญชาการเก็บวิญญาณทั้งหมด ซึ่งโดยจารีตของพระองค์แล้ว จะทรงกระทำผ่านสื่อกลาง ซึ่งอาจจะเป็นมะลาอิกะฮ์แห่งความตาย หรือมะลาอิกะฮ์อื่นๆ

คำตอบเชิงรายละเอียด

กุรอานกล่าวไว้ว่าอัลลอฮ์จะทรงเก็บวิญญาณเมื่อความตายมาเยือน[1]
อัลลอฮ์ทรงระบุว่าพระองค์ทรงเก็บวิญญาณ และในทางไวยากรณ์อรับ การที่คำว่าอัลลอฮ์ขึ้นหน้าคำว่ายะตะวัฟฟา”(เก็บ)นั้น สื่อถึงการจำกัด หมายความว่าอัลลอฮ์เท่านั้นที่เป็นผู้เก็บวิญญาณ มิไช่ผู้อื่น[2]
ในขณะเดียวกัน โองการอื่นๆก็บ่งชี้ว่าอัลลอฮ์ทรงบริหารจัดการโลกนี้ผ่านมะลาอิกะฮ์กลุ่มหนึ่ง ดังที่โองการที่5 ซูเราะฮ์ อันนาซิอ้าต กล่าวไว้ว่าขอสาบานต่อเหล่ามะลาอิกะฮ์ที่จัดการกิจการต่างๆ
จารีตของพระองค์ลิขิตว่ากิจการต่างๆจะต้องดำเนินไปตามกลไกเฉพาะตัว
ด้วยเหตุนี้เองที่มีมะลาอิกะฮ์กลุ่มหนึ่งปฏิบัติภารกิจเก็บวิญญาณ[3] ซึ่งนำโดยมะลาอิกะฮ์แห่งความตาย(มะลิกุ้ลเมาต์)[4]
กุรอานได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่าจงกล่าวเถิด มะลิกุ้ลเมาต์ที่ได้รับหน้าที่เกี่ยวกับสูเจ้า จะเก็บชีวิตสูเจ้า...”[5] และและเมื่อความตายมาเยือนสูเจ้าสักคนหนึ่ง (ยม)ทูตของเราจะเก็บชีวิตเขา...”[6] หากนำสองโองการนี้มาประกอบกันจะทำให้เข้าใจได้ว่าการเก็บชีวิตเป็นกิจของอัลลอฮ์เท่านั้น มิไช่ผู้อื่น ซึ่งจะทรงบัญชาการผ่านมะลิกุ้ลเมาต์ และมะลิกุ้ลเมาต์ก็บัญชาเหล่ามะลาอิกะฮ์ทูตความตายอีกทอดหนึ่ง[7] สรุปคือ ทุกกิจการในโลกล้วนอยู่ในการควบคุมของพระองค์ โดยที่บรรดามะลาอิกะฮ์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานเท่านั้น

รายงานว่ามีผู้ถามอิมามศอดิก(.)ว่า จากการที่กุรอานกล่าวว่าอัลลอฮ์จะทรงเก็บวิญญาณเมื่อความตายมาเยือนอีกโองการกล่าวว่าจงกล่าวเถิด มะลิกุ้ลเมาต์ที่ได้รับหน้าที่เกี่ยวกับสูเจ้า จะเก็บชีวิตสูเจ้า...” และมีโองการหนึ่งกล่าวว่า“...ผู้ที่เหล่ามะลาอิกะฮ์เก็บวิญญาณของพวกเขา...)[8] และอีกโองการระบุว่า“(ยม)ทูตของเราจะเก็บชีวิตเขา...” และทั้งๆที่มีคนตายทั่วโลกนับหมื่นนับแสนคนในเวลาเดียวกัน จะเป็นไปได้อย่างไรที่มะลิกุ้ลเมาต์จะเก็บวิญญาณของผู้ตายพร้อมกันทั้งหมด?
ท่านอิมามตอบว่าอัลลอฮ์ได้กำหนดให้มีมะลาอิกะฮ์ภายใต้การบังคับบัญชาของมะลิกุ้ลเมาต์ ซึ่งรับคำสั่งจากเขาให้ปฏิบัติภารกิจทั่วทุกหนแห่ง ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าทั้งมะลิกุ้ลเมาต์ และมะลาอิกะฮ์ต่างเป็นผู้เก็บวิญญาณทั้งสิ้น เมื่อนั้นพระองค์จึงรับมอบวิญญาณจากมะลิกุ้ลเมาต์อีกทอดหนึ่ง[9]

มีชายหัวรั้นคนหนึ่งกล่าวตำหนิกุรอานต่อหน้าท่านอิมามอลี(.)ว่า กุรอานมีเนื้อหาที่ขัดกันเอง เนื่องจากโองการหนึ่งระบุว่าอัลลอฮ์เก็บวิญญาณ อีกโองการหนึ่งระบุว่ามะลิกุ้ลเมาต์ทำหน้าที่ดังกล่าว อีกโองการหนึ่งระบุว่ามะลาอิกะฮ์กลุ่มหนึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ท่านอิมามอลี(.)ตอบว่ามะลิกุ้ลเมาต์มีคณะมะลาอิกะฮ์แห่งเมตตาและการลงทัณฑ์เป็นผู้ช่วยเหลือ โดยทำหน้าที่อันนับได้ว่าเป็นผลงานของมะลิกุ้ลเมาต์ด้วย และภารกิจของมะลิกุ้ลเมาต์ก็ขึ้นตรงต่อพระองค์ ทั้งนี้เนื่องจากพระองค์จะเก็บวิญญาณตามพระประสงค์ และดำเนินกิจต่างๆเช่นการประทาน การระงับ การตอบแทน การลงทัณฑ์ ผ่านสื่อกลางที่พระองค์ประสงค์ แน่นอนว่าการกระทำของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาย่อมนับเป็นการกระทำของพระองค์ได้เช่นกัน ดังที่พระองค์กล่าวว่า สูเจ้ามิอาจจะมีความจำนงใดเว้นแต่พระองค์ทรงประสงค์[10],[11]

กล่าวคือ แม้ในกรณีที่มะลิกุ้ลเมาต์มิได้เก็บวิญญาณเอง แต่ก็สามารถนับว่าเป็นผลงานของมะลิกุ้ลเมาต์และกิจของอัลลอฮ์ได้ เนื่องจากเหตุปัจจัยต่างๆในการนี้ล้วนได้รับอำนาจจากอัลลอฮ์และอยู่ภายใต้การบริหารของพระองค์ทั้งสิ้น และทุกเหตุปัจจัยที่นอกเหนือจากมะลิกุ้ลเมาต์ก็อยู่ภายใต้การบัญชาของมะลิกุ้ลเมาต์อีกทอดหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะกล่าวได้ว่าเป็นผลงานของผู้ปฏิบัติการแล้ว ก็ยังสามารถถือเป็นผลงานของสื่อกลาง และผู้ออกคำสั่งสูงสุดได้อีกด้วย เช่นเดียวกับกรณีชัยชนะในสงคราม ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นผลงานของพลทหาร ประชาชน ผู้บัญชาการระดับย่อย ตลอดจนผู้บัญชาการสูงสุดได้ทั้งสิ้น

ทีนี้เรามาดูกันว่า ผู้ใดทำหน้าที่ปลิดชีวิตสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ไม่ไช่มนุษย์?
ท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน อลี(.) กล่าวไว้ว่า “...จงรู้เพียงว่า อัลลอฮ์เป็นผู้ให้ชีวิตและเก็บชีวิต พระองค์ทรงเรียกคืนชีวิตผ่านผู้ปฏิบัติการ ซึ่งอาจเป็นมะลาอิกะฮ์หรือไม่ก็ได้[12]
ฉะนั้น สำคัญที่จะต้องทราบว่าอัลลอฮ์กระทำการโดยผ่านผู้ปฏิบัติการที่อาจจะเป็นมะลาอิกะฮ์หรือผู้ปฏิบัติการประเภทอื่นๆ

ฮะดีษที่น่าสนใจอีกบทหนึ่งมีอยู่ว่า ขณะที่ท่านนบีอยู่ในช่วงอิสรออ์เมี้ยะอ์รอจ ท่านได้ถามมะลิกุ้ลเมาต์ว่าท่านเป็นผู้เก็บวิญญาณของผู้ตายทั้งอดีตและอนาคตกระนั้นหรือ?” มะลิกุ้ลเมาต์ตอบว่าใช่แล้ว... โลกทั้งโลก และทุกสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงมอบอำนาจแก่ฉันนั้น เปรียบเสมือนเหรียญที่พลิกไปมาในมือของฉัน และฉันจะตรวจดูทุกบ้านในโลกถึงห้าครั้งต่อวัน (เพื่อให้รู้ว่าผู้อาศัยในบ้านนมาซตรงเวลาหรือไม่)[13]
จากความหมายที่เปิดกว้างของฮะดีษข้างต้นทำให้สันนิษฐานได้ว่า มะลิกุ้ลเมาต์จะเก็บชีวิตของทุกสิ่งมีชีวิตในโลก แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่มิไช่มนุษย์

ดัชนีที่เกี่ยวข้อง
คำถามที่, ดัชนี อายุขัยและความตายของมะลาอิกะฮ์
คำถามที่, การหลับและความตายของจิตมนุษย์
คำถามที่, ชัยฏอนและความตาย.

 



[1] ซูเราะฮ์อัซซุมัร, 42 : اللَّهُ یَتَوَفىَّ الْأَنفُسَ حِینَ مَوْتِهَا

[2] ตัฟซี้รอัลมีซานฉบับแปล,มุฮัมมัดฮุเซน ฏอบาฏอบาอี,เล่ม 17,หน้า 407

[3] ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์,นาศิร มะการิม ชีรอซี, เล่ม 17,หน้า 140

[4] เนื่องจากระดับขั้นของมะลาอิกะฮ์แตกต่างกัน ซึ่งมะลิกุ้ลเมาต์(อิซรออีล)มีฐานะภาพเหนือกว่ามะลาอิกะฮ์ทั่วไปที่ทำหน้าที่เก็บวิญญาณ

[5] ซูเราะฮ์อัสสะญะดะฮ์, 11

[6] อัลอันอาม, 61

[7] ตัฟซี้รอัลมีซานฉบับแปล,มุฮัมมัดฮุเซน ฏอบาฏอบาอี,เล่ม 17,หน้า 407

[8] อันนะห์ลิ, 32

[9] มันลายะฮ์ฎุรุฮุ้ลฟะกีฮ์,เชคศ่อดู้ก,เล่ม 1,หน้า 136

[10] อัลอินซาน, 20 และ อัตตักวี้ร, 29

[11] บิฮารุ้ลอันว้าร,เล่ม 6,หน้า 140,ฮะดีษที่ 1

[12] อ้างแล้ว, หน้า 143,ฮะดีษที่ 6

[13] อ้างแล้ว,หน้า 141,ฮะดีษที่ 6

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • จะต้องงดเว้นบาปนานเท่าใดจึงจะหลาบจำไม่ทำบาปอีก?
    6553 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/08/09
    เราไม่พบโองการหรือฮะดีษใดเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงมีเพียงฮะดีษที่กล่าวว่า “ผู้ใดที่กระทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิใจต่ออัลลอฮ์ถึงสี่สิบวันอัลลอฮ์จะดลบันดาลให้วิทยปัญญาใหลรินจากหัวใจและปลายลิ้นของเขา”อย่างไรก็ดีควรคำนึงถึงสาระสำคัญต่อไปนี้1. ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ภัยคุกคามจากชัยฏอนก็ยังมีอยู่เสมอจึงไม่ควรจะคิดว่ามีภูมิคุ้มกันที่จะทำให้รอดพ้นการทำบาปได้ตลอดไป2. อย่าปล่อยให้ตนเองสิ้นหวังจากความเมตตาของอัลลอฮ์คนเราแม้จะทำบาปมากเท่าใดแต่ประตูแห่งการเตาบะฮ์ยังเปิดกว้างเสมอจึงต้องมีหวังในพระเมตตาของพระองค์ตลอดเวลา ...
  • ข้อแตกต่างระหว่างมะอ์นะวียัตในอิสลามและคริสตศาสนา
    7368 เทววิทยาใหม่ 2554/10/24
    คุณค่าของมะอ์นะวียัตของแต่ละศาสนาขึ้นอยู่กับคุณค่าของศาสนานั้นๆคำสอนของคริสตศาสนาบางประการขัดต่อสติปัญญาโดยที่ชาวคริสเตียนเองก็ยอมรับเช่นนั้นมะอ์นะวียัตที่ได้จากคำสอนเช่นนี้ก็ย่อมมีข้อผิดพลาดเป็นธรรมดาและนี่คือข้อแตกต่างหลักระหว่างมะอ์นะวียัตของอิสลามและคริสตศาสนากล่าวคือโดยพื้นฐานแล้วมะอ์นะวียัตของคริสต์ไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้เมื่อพิจารณาถึงแหล่งเนื้อหาที่มีบางจุดขัดต่อสติปัญญาทำให้ไม่สามารถจะนำพาสู่ความผาสุกได้อย่างไรก็ดีสภาพมะอ์นะวียัตของตะวันตกในปัจจุบันย่ำแย่ไปกว่ามะอ์นะวียัตดั้งเดิมของคริสตศาสนาเสียอีกในขณะที่มะอ์นะวียัตของอิสลามนั้นได้รับอิทธิพลจากคำสอนจากวิวรณ์
  • การตัดขาดการใช้ชีวิตร่วมกับสังคม โดยปลีกวิเวกไปสู่ความสันโดษ มีกฎเกณฑ์เป็นเช่นไร
    13395 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/10/22
    การถอนตัวหรือปลีกวิเวกโดยสมบูรณ์และถาวร บางครั้งไม่สมบูรณ์และเลยเถิดการถอนตัวหรือปลีกวิเวกโดยสมบูรณ์และถาวร วิธีการนี้มีปัญหาหลายประการด้วยกัน กล่าวคือ :1.ขัดแย้งกับซุนนะฮฺและการบริบาลของอัลลอฮฺ, เนื่องจากซุนนะฮฺและพระประสงค์ของอัลลอฮฺคือ ต้องการให้มนุษย์ไปถึงยังความสมบูรณ์ ด้วยเจตนารมณ์เสรี และด้วยเครื่องมือและสื่อที่มีอยู่ หมายถึงการผ่านทางหลงผิดและการชี้นำไปสู่ความสมบูรณ์แบบนั่นเอง2.ประเด็นที่ศาสนาของพระเจ้าได้ห้ามไว้ แต่ก็ยังพบความแปลกปลอมของคนอื่นเกิดขึ้นอีกมากมาย ซึ่งกรณีนี้ยังไม่เคยพบว่าบรรดาศาสดาแห่งพระเจ้า และตัวแทนของท่านเหล่านั้นได้ปลีกวิเวกและตัดขาดจากสังคมมนุษย์โดยสิ้นเชิง
  • ในทัศนะของอัลกุรอาน ความแตกต่างระหว่างอิบลิซ กับชัยฏอน คืออะไร?
    18088 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/09/08
    บนพื้นฐานของอัลกุรอาน,อิบลิซเป็นหนึ่งในหมู่ญิน เนื่องจากการอิบาดะฮฺอย่างมากมาย จึงทำให้อิบลิซได้ก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกันกับมะลาอิกะฮฺ แต่หลังจากการสร้างอาดัม, อิบลิซได้ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ไมยอมกราบอาดัม, จึงได้ถูกขับออกจากสวรรค์เนรมิตแห่งนั้น ส่วนชัยฏอนนั้นจะใช้เรียกทุกการมีอยู่ ที่แสดงความอหังการ ยโสโอหัง ละเมิด และฝ่าฝืน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นมนุษย์ หรือญิน หรือสรรพสัตว์ก็ตาม ขณะเดียวกันอิบลิซนั้นได้ถูกเรียกว่าชัยฏอน ก็เนื่องจากโอหังและฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้า ดังนั้น ถ้าจะกล่าวแล้ว “ชัยฏอน” เป็นนามโดยทั่วไป ซึ่งครอบคลุมเหนือทั้งอิบลิซ และไม่ใช่อิบลิซ ...
  • โปรดอธิบาย หลักความเชื่อของวะฮาบี และข้อทักท้วงของพวกเขาที่มีต่อชีอะฮฺว่า คืออะไร?
    19482 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/06/30
    วะฮาบี, คือกลุ่มบุคคลที่เชื่อและปฏิบัติตาม มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ, พวกเขาเป็นผู้ปฏิตามแนวคิดของสำนักคิด อิบนุตัยมียะฮฺ และสานุศิษย์ของเขา อิบนุ กัยยิม เญาซียฺ ซึ่งเขาเป็นผู้วางรากฐานทางความศรัทธาใหม่ในแคว้นอาหรับ. วะฮาบี เป็นหนึ่งในสำนักคิดของนิกายในอิสลาม ซึ่งมีผู้ปฏิบัติตามอยู่ในซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และอินเดีย ตามความเชื่อของพวกเขาการขอความช่วยเหลือผ่านท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) บรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) การซิยาเราะฮฺ, การให้เกียรติ ยกย่องและแสดงความเคารพต่อสถานฝังศพของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ถือเป็น บิดอะฮฺ อย่างหนึ่ง ประหนึ่งเป็นการแสดงความเคารพต่อเจว็ดรูปปั้น ถือว่า ฮะรอม. พวกเขาไม่อนุญาตให้กล่าวสลาม หรือยกย่องให้เกียรติท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ยกเว้นในนมาซเท่านั้น, พวกเขายอมรับการสิ้นสุดชีวิตทางโลกของเขา เป็นการสิ้นสุดอันยิ่งใหญ่ และเป็นการสิ้นสุดที่มีเกียรติยิ่ง ร่องรอยของทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็น โดม ลูกกรง และอื่นๆ ...
  • การให้การเพื่อต้อนรับเดือนมุฮัรรอม ตามทัศนะของชีอะฮฺถือว่ามีความหมายหรือไม่?
    7910 สิทธิและกฎหมาย 2554/12/20
    การจัดพิธีกรรมรำลึกถึงโศกนาฏกรรมของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ถือเป็นซุนนะฮฺ (แบบฉบับ) ซึ่งได้รับการสถาปนาและสนับสนุนโดยบรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.)
  • ฮะดีษที่ว่า “วันที่มุสลิมจะจำแนกเป็น 73 จำพวกจะมาถึง” เชื่อถือได้หรือไม่?
    13530 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/19
    ฮะดีษชุด“การแตกแยกของอุมมะฮ์”มีบันทึกในตำราฝ่ายชีอะฮ์และซุนหนี่ตามสายรายงานที่หลากหลายเนื้อหาของฮะดีษเหล่านี้ล้วนระบุถึงการที่มุสลิมจำแนกเป็นกลุ่มก้อนภายหลังท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งถือเป็นเอกฉันท์ในแง่ความหมายส่วนในแง่สายรายงานก็มีฮะดีษที่เศาะฮี้ห์และสายรายงานเลิศอย่างน้อยหนึ่งบท ...
  • มีวิธีใดบ้างที่จะทำให้สามีภรรยาเข้าใจกันและกัน
    8658 จริยธรรมทฤษฎี 2555/09/15
    ความซื่อสัตย์คือต้นทุนที่สำคัญที่สุดของชีวิตคู่ ในทางตรงกันข้าม ภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดที่ก่อให้เกิดความร้าวฉานระหว่างคู่รักก็คือความไม่ไว้วางใจและการหลอกลวงกัน จากที่คุณถามมา พอจะสรุปได้ว่าคุณสองคนขาดความไว้วางใจต่อกัน ขั้นแรกจึงต้องทำลายกำแพงดังกล่าวเสียก่อน วิธีก็คือ จะต้องหาต้นตอของความไม่ไว้วางใจให้ได้ แล้วจึงสะสางให้เป็นที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งหากเสริมสร้างความไว้วางใจได้สำเร็จ ไม่ว่าคุณไสยหรือเวทมนตร์คาถาใดๆก็ไม่อาจจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับภรรยาได้อีก ...
  • เหตุผลของการเลือกบรรดาศาสดาและอิมาม ท่ามกลางปวงบ่าวอื่นๆ?
    6591 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/06/30
    บนพื้นฐานของเหตุผลทั่วไปแห่งสภาวะการเป็นศาสดา คือ การชี้นำมวลมนุษยชาติ, พระองค์จึงเลือกสรรประชาชาติบางคนจากหมู่พวกเขาในฐานะของแบบอย่าง, เพื่อเป็นตัวแทนและเป็นผู้ชี้นำทาง แน่นอนการเลือกสรรนี้มิได้ปราศจากเหตุผล คำอธิบาย ศักยภาพในการเป็นเคาะลิฟะฮฺของพระเจ้า ได้ถูกมอบแก่มนุษย์ทุกคนแล้ว เพียงแต่ว่ามิใช่มนุษย์ทุกคนจะไปถึงขั้นนั้นได้, มีเฉพาะบางคนเท่านั้นที่มีศักยภาพพอ และด้วยการอิบาดะฮฺทำให้เขาได้ไปถึงยังตำแหน่งของการเป็นตัวแทนของพระองค์บนหน้าแผ่นดิน และพวกเขาจะไม่กระทำความผิดตามเจตนารมณ์เสรีของตน, อัลลอฮฺ ทรงรอบรู้ถึงสภาพของพวกเขาทั้งก่อนการสร้างในรูปแบบภายนอก และทรงรอบรู้ถึงสภาพและความประพฤติของพวกเขาเป็นอย่างดี, การตอบแทนผลรางวัลแก่การงานของพวกเขา, พระองค์ทรงเลือก มอบสาส์น และความคู่ควรการเป็นผู้นำสังคมแก่พวกเขา, ดังนั้น ความเร้นลับในการเลือกสรรจึงวางอยู่บน 2 เหตุผล กล่าวคือ 1.การแสดงความเคารพสมบูรณ์ของหมู่มิตรของพระเจ้าที่มีต่อพระองค์ 2.ความเมตตาและความการุณย์พิเศษของพระเจ้า ที่มีต่อหมู่มิตรของพระองค์ สรุป ความเมตตาการุณย์ของพระเจ้าที่ทรงมีต่อบรรดาศาสดา และบรรดาอิมาม (อ.) เนื่องจากว่า หนึ่ง : วางอยู่บนศักยภาพและความเพียรพยายามของพวกเขา และสอง
  • ทำไมอิมามฮุซัยน (อ.) จึงไม่ลุกขึ้นยืนในสมัยของมุอาวิยะฮ ?
    8063 ชีวประวัติมะอฺซูม (อ.) 2554/03/08
    สำหรับคำตอบที่ว่าเพราะเหตุใดท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) จึงไม่ลุกขึ้นยืนต่อสู้ในสมัยมุอาวิยะฮฺนั้นสามารถกล่าวได้ว่าอาจเป็นเพราะประเด็นเหล่านี้ :1. เป็นเพราะการให้เกียรติและเคารพในสนธิสัญญาของพี่ชายและอิมามของท่าน

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60798 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58484 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42894 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40479 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39502 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34655 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28723 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28607 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28571 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26481 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...