การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
7839
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/03/08
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1799 รหัสสำเนา 12543
คำถามอย่างย่อ
ทำไมอิมามฮุซัยน (อ.) จึงไม่ลุกขึ้นยืนในสมัยของมุอาวิยะฮ ?
คำถาม
ทำไมอิมามฮุซัยน (อ.) จึงไม่ลุกขึ้นยืนในสมัยของมุอาวิยะฮ ?
คำตอบโดยสังเขป

สำหรับคำตอบที่ว่าเพราะเหตุใดท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) จึงไม่ลุกขึ้นยืนต่อสู้ในสมัยมุอาวิยะฮฺนั้น สามารถกล่าวได้ว่าอาจเป็นเพราะประเด็นเหล่านี้ :

1. เป็นเพราะการให้เกียรติและเคารพในสนธิสัญญาของพี่ชายและอิมามของท่าน ท่านอิมามฮะซัน มุจญฺตะบา (.) ซึ่งท่านได้ทำสนธิสัญญาฉบับนี้กับมุอาวิยะฮฺ และมุอาวิยะฮฺเองแสร้งให้เกียรติสนธิสัญญาดังกล่าวนั้น

2. มุอาวิยะฮฺหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าด้วยเลือดกับอิมาม ฮุซัยนฺ (.) เนื่องจากเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และชาติตระกูลของอิมามที่สูงส่งกว่า ประกอบคำทำนายของท่านนบีมุฮัมมัด (ซ็อล ) ที่ว่าราชวงศ์อุมัยยะฮฺต้องล่มสลายหลังจากชะฮาดัตของท่นอิมามฮุซัยนฺ (.) ซึ่งมุอาวิยะฮฺพยายามหลีกหนีความจริงข้อนี้ นอกจากนั้นแล้วเขายังได้สั่งเสียงให้ตนในตระกูลหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าดังกล่าวด้วย แต่ยะซีดในฐานะที่เป็นคนหยิ่งผยอง เมาสุราเป็นนิจศีล เขาจึงไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งเสียของบิดาของเขา ฉะนั้น ตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นปกครอง เขาได้ประกาศการเผชิญหน้ากับท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) และขีดเส้นตายว่าต้องสังหารท่านอิมามให้จงได้

3. มุอาวิยะฮฺ เป็นนักการเมืองที่มีฝีมือและชาญฉลาด ดูจากภายนอกเหมือนเป็นผู้รักษาระเบียบและข้อบังคับของอิสลาม แต่ยังสามารถปกปิดความเลวร้ายภายในที่เขาได้สร้างขึ้นต่อหน้าสาธารณชนได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นคนที่มากด้วยเล่ห์เพทุบาย ขณะยะซีดในฐานะที่เป็นคนหนุ่มและขาดประสบการณ์ และดำเนินชีวิตไปในทางเสียหายมากด้วยราคะ และชอบเล่นกับลิงและสุนัข ใช้ชีวิตแบบคนโง่เขลาทั่วไป ซึ่งไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้เลยถึงพฤติกรรมที่ชั่วร้ายของเขา ดังนั้นการนิ่งเงียบของอิมามฮุซัยนฺ (.) ต่อพฤติกรรมชั่วร้ายของเขา ถือว่าเป็นการยืนยันและสนับสนุนความชั่วของเขา และนั้นหมายถึงการทำลายรากของศาสนาอิสลามใหสิ้นไป

4. แต่อิมาม (.) ได้ลุกขึ้นต่อสู้ในสมัยของมุอาวิยะฮฺ เป็นไปได้ที่มุอาวิยะฮฺ จะทำลายขบวนการของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) ให้จบลงอย่างง่ายดาย ด้วยวิธีการและอำนาจที่มีอยู่ในมือขณะนั้น เขาต้องโฆษณาอย่างกว้างขวางว่าตนเป็นฝ่ายถูกต้อง แต่เราจะพบว่ายะซีดไร้ความสามารถในการทำลายเป้าหมายของอาชูรอ สิ่งที่เขาได้กระทำลงไปมันละลายหายไปหมดสิ้น

5. การขาดการสนับสนุนอย่างจริงใจจากประชาชน สำหรับอิมาม (.) ในสมัยของมุอาวิยะฮฺซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ขณะที่ในสมัยของยะซีด, จะเห็นว่ามีจดหมายนับพันฉบับจากประชาชนชาวกูฟะฮฺ ที่ส่งมาเชิญท่านอิมาม (.) และพวกเขาพร้อมให้การสนับสนุนการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมาม ดังนั้น ถ้าอิมาม (.) ไม่เข้าไปในอิรักเพื่อปฏิบัติตามคำเรียกร้อง ในทัศนะของประชาชนก็จะกล่าวว่าอิมามกลัวตาย หรือท่านอิมามไม่แยแสต่อความเลวร้ายหรือการอธรรม และอาชญากรรมที่พวกอุมัยยะฮฺได้ก่อขึ้น อีกด้านหนึ่งท่านอิมามไม่ใส่ใจต่อเสียงเรียกร้องของประชาชน ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ไม่อาจทดแทนได้]

คำตอบเชิงรายละเอียด

สถานการของรัฐบาล สถานภาพของประชาชน และสถานะของอิมาม ฮุซัยนฺ (,) ในยุคสมัยของมุอาวิยะฮฺและสมัยของยะซีดมีความแตกต่างกันมากมาย ซึ่งประเด็นที่สำคัญที่สุดได้แก่

1. อิมามฮะซัน มุจญฺตะบา (.) ในช่วงอายุขัยและช่วงการปกครองของท่านนั้น  เมื่อท่านขอความช่วยเหลือจากประชาชนให้สงครามกับมุอาวิยะฮฺ ท่านต้องพบกับความผิดหวังอย่างรุนแรง บรรดาแม่ทัพของท่านต้องถูกซื้อตัวไปด้วยเม็ดเงินของมุอาวิยะฮฺ พวกเขาได้ปลดปล่อยตัวเองออกไป ดังนั้น เพื่อปกป้องอิสลามให้ดำรงสืบต่อไป และปกป้องชีวิตของเหล่าบรรดาสาวกที่จงรักภักดีกับท่าน และเพื่อให้ข้อพิสูจน์เสร็จสิ้นสำหรับท่าน ประชาชน และมุอาวิยะฮฺ ท่านจึงต้องทำสนธิสัญญาเพื่อความสงบสันติขึ้น ทั้งที่ไม่ใช่ความประสงค์ของท่านเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นวิธีการเดียวที่จะช่วยปกป้องอิสลามให้ดำรงสืบต่อไปได้ บางส่วนของสนธิสัญญากล่าวว่า  :

. มุอาวิยะฮฺจะต้องยุติการทำร้ายและกลั่นแกล้งพวกชีอะฮฺ;

. ข้อตกลงทางการเงิน เช่น จะต้องคืนเงินที่ปล้นสะดมคืนให้กับพวกชีอะฮฺ พวกอันซอร และโดยเฉพาะพวกที่จงรักภักดีกับท่านอิมามอะลี (.)

. ให้มุอาวิยะฮฺเลิกสาปแช่งท่านอิมามอะลี บุตรของอบูฏอลิบ (.) ในที่สาธารณะ;

. ห้ามไม่ให้มุอาวิยะฮฺใช้ฉายานาม"อะมีรุลมุอ์มินีน"สำหรับตัวเอง;

. ห้ามไม่ให้มุอาวิยะฮฺแต่งตั้งผู้แทนการปกตรองหลังจากตน[1]

อิมามฮุซัยนฺ (.) หลังจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮะซัน (.), ท่านได้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับยะซี เนื่องจากให้เกียรติและเคารพสนธิสัญญาที่ท่านอิมามฮะซัน (.) ได้ทำไว้กับมุอาวิยะฮฺ[2] แต่หลังจากมุอาวิยะฮฺได้จากโลกไป ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติและเคารพในสนธิสัญญานั้นอีกต่อไป ดังนั้น ด้วยการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮะซัน (.) ระยะเวลาของสัญญาก็สิ้นสุดลงด้วย

2. มุอายะฮฺเองก็พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและการนองเลือดกับอิมามฮุซัยนฺ (.) และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในการรักษาการปกครองของตน จำเป็นต้องอดทนต่ออิมามทั้งสองท่าน อีกทั้งได้สั่งห้ามและกำชับคนอื่นไม่ให้เผชิญหน้ากับท่านอิมามด้วยเช่นกัน ห้ามมิให้มีการติดต่อกับท่าน ด้วยเหตุนี้ แม้แต่การเอาสัตยาบันจากอิมาม มุอาวิยะฮฺยังได้กำชับกับยะชีดไว้นักหนาว่า อย่าใช้กำลังและความรุนแรงกับอิมามฮุซัยนฺอย่างเด็ดขาด แต่ยะซีดเนื่องจากเป็นคนหนุ่ม ขาดประสบการณ์ และมีความยโสโอหัง เขาไม่ประสงค์ที่จะปฏิบัติตามคำสั่งเสียของบิดา ซึ่งนับตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นมาปกครองเขาได้สั่งผู้ปกครองมะดีนะฮฺว่า ให้เอาสัตยาบันจากอิมามฮุซัยนฺ (.)  ให้จงได้หรือไม่ก็ให้ตัดศีรษะส่งมาให้ฉัน

และนี่คือวิธีการของยะซีด ซึ่งทำให้ต้องเผชิญหน้ากับท่านอิมามโดยตรง เนื่องจากท่านอิมาม (.) จะไม่ยอมให้สัตยาบันกับยะซีดอย่างแน่นอน ซึ่งเราได้ประจักษ์กับสายตาแล้วว่าในแผ่นดินกัรบะลาอ์ได้เกิดอะไรขึ้น การกระทำของยะซีดนั่นเองเป็นเหตุทำให้รางวงศ์ของอุมัยยะฮฺต้องสิ้นสุดลง[3]

3. มุอาวิยะฮฺเป็นนักการเมืองที่มีฝีมือ และรู้จักรักษาภาพลักษณะต่อหน้าสาธารณะชนได้เป็นอย่างดี เขาสามารถปกปิดความไม่ดีของเขา การทุจริตภายใน และความเลวร้ายที่ก่อขึ้นต่อหน้าสาธารณชนได้เป็นอย่างดี สร้างค่าที่นิยมต่อประชาชนจนกระทั่งประชาชนยอมรับว่าเป็นมุสลิม และเป็นเคาะลิฟะฮฺของท่านศาสดา (ซ็อล ) อีกทั้งได้ส่งเสริมการภารกิจในอิสลาม แต่ยะซีดไม่ได้มีทักษะและประสบการณ์เหล่านี้ เขาก่อความเสียหาย และล่วงละเมิดทางเพศอย่างอย่างเห็นได้ชัดเจน และเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทั้งหมดยิ่งกว่าแสงแดดในตอนกลางวัน ทั้งโดยทั่วไปและเฉพาะเจาะจง เขาได้แสดงการปฏิเสธศรัทธาและไม่ยอมรับพระเจ้า เขามีความภาคภูมิใจต่อการเป็นผู้ตั้งภาคีของเหล่าบรรพชนของเขา ที่สำคัญเขาไม่เคยให้เกียรติท่านนบี (ซ็อล ) แม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ จะเห็นว่าการดำรงสภาพความสันติในสมัยของยะซีด มีความหมายเท่ากับเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมความชั่วร้ายที่เปิดเผย ซึ่งในที่สุดแล้วยิ่งเป็นการทำให้สังคมหลงผิดมากไปกว่าเดิม[4] และการสืบสานต่อการปกครองของยะซีด เท่ากับเป็นการอำลาจากอิสลาม และทำลายบทบัญญัติทั้งหมดของอิสลาม[5]

4. ก่อนหน้านี้ได้กล่าวไปแล้วว่ามุอาวิยะฮฺเป็นเจ้าเล่ห์เพทุบาย และเขาพยายามหลีกเลียงการเผชิญหน้ากับท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) มาโดยตลอด แต่ถ้าอิมาม (.) ได้ลุกขึ้นยืนต่อสู้กับมุอาวิยะฮฺในตอนนั้น สถานการณ์จะเอื้ออำนวยให้แก่มุอาวิยะฮฺทันที่ เนื่องจากการโฆษณาชวนเชื่อ การเผยแพร่ข้อมูลในทางที่ผิดให้กว้างขวางออกไป ด้วยอุปกรณ์เครื่องต่างๆ และอำนาจที่มีอยู่ในมือขณะนั้น ซึ่งเป็นไปได้การเคลื่อนไหวของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) จะไร้ผลทันที ผู้คนจะไม่กล่าวขานถึงอีกต่อไป ที่สำคัญสถานการณ์จะกลายเป็นประโยชน์แก่มุอาวิยะฮฺทันที และอุมัยยะฮฺก็จะสามารถดำรงการปกครองสืบต่อไปอีกช้านาน แต่เนืองจากความโง่เขลาและการก่อกรรมชั่วร้ายของยะซีดอย่างเปิดเผย และการอ่อนประสบการณ์ด้านการเมือง ยะซีดจึงได้คิดจัดการกับอิมาม (.) ขั้นเด็ดขาด และหลังการชะฮาดัตของท่านอิมามฮุซัยน (.) ด้วยความไร้เดียงสาและการไม่ได้มีทักษะในการทำงาน เขาจึงไม่สามารถลบประวัติศาสตร์หน้านี้ให้หมดไปได้ มิหนำซ้ำนับวันประวัติศาสตร์หน้านี้ยิ่งถูกทำให้ยิ่งใหญ่ และกลายเป็นแบบอย่างของการต่อสู้ทั้งหลายบนหน้าแผ่นดิน สร้างความชัดเจนให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดราชวงศ์อุมัยยะฮฺได้มาสิ้นสุดลงเนื่องจากฝีมือของเขา และนี่คือความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากการปกครองของทั้งสอง ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เป็นที่คลุมเครือสำหรับอิมามเลยแม้แต่นิดเดียว 

5. ในสมัยของมุอาวิยะฮฺ จะเห็นว่าไม่มีการเชิญชวนให้อิมาม (.) ยืนหยัดต่อสู้กับความอธรรมเลยแม้แต่น้อย ไม่มีการประกาศว่าจะสนับสนุนและให้การช่วยเหลืออิมามแต่อย่างใด เนื่องจากพฤติกรรมเจ้าเล่ห์ของมุอาวิยะฮฺ แต่หลังจากมุอาวิยะฮฺได้จากไป และการปกครองได้ตกไปถึงมือยะซีด สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปทันที การนองเลือดมุสลิม การอธรรม และการกดขี่ต่างๆ จนกระทั่งประชาชนชาวกูฟะฮฺได้ออกมาเรียกร้อง และส่งจดหมายเชิญท่านอิมาม (.) หลายพันฉบับด้วยกัน พวกเขาได้เรียกร้องให้ท่านอิมาม (.) ไปเป็นอิมามสำหรับพวกเขา และให้ยืนหยัดต่อสู้กับพวกอุมัยยะฮฺ โดยที่พวกเขาจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนทุกอย่างแก่ท่านอิมาม (.)

หลังจากการตายของมุอาวิยะก็ทำให้ข้อตกลงสันติภาพหมดวาระไปด้วย ประกอบกับคนก่อกรรมชั่วเฉกเช่นยะซีดได้ขึ้นปกครอง อีกด้านหนึ่งจดหมายหลายพันฉบับที่ส่งถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) เพื่อเชิญชวนให้ท่านไปเป็นอิมามสำหรับพวกเขา สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่เหลือข้ออ้างอันใดอีกต่อไป ดังนั้น ถ้าอิมาม (.) ไม่ตอบรับคำเชิญและไม่เริ่มเคลื่อนไหวไปสู่อิรักในทัศนะของประชาชนทั่วไปแล้วการกระทำเช่นนั้น เท่ากับอิมาม (.) ไม่สนใจชะตากรรมของประชาชาติอิสลาม และในที่สุดแล้วเท่ากับไม่สนใจต่ออิสลาม ไม่สนใจต่อคำเรียกร้องของผู้ถูกกดขี่ ที่เรียกร้องให้ไปต่อสู้กับผู้ก่อความเสียหาย ผู้กดขี่และทุจริต และไม่มีความไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อย แน่นอนว่าเรืองราวต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่การออกไปของท่านอิมาม (.) ตรงกับช่วงเทศกาลฮัจญฺพอดีทุกสิ่งเป็นที่เปิดเผย เหตุการณ์อาชูรอจึงเป็นที่ชัดเจนที่ว่าโศกนาฎกรรมความโหดร้ายที่วงศ์วานบนีอุมัยยะฮฺ ได้สังหารลูกหลานของท่านเราะซูล (ซ็อล ) อย่างโหดร้ายที่สุด จับบรรดาเด็กและสตรีที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นเชลยล่ามโซ่ตรวน ความชั่วร้ายที่อุมัยยะฮฺได้กระทำไว้นั้น กลายเป็นข้อพิสูจน์และเหตุผลสมบูรณ์สำหรับผู้ที่ใฝ่หาความจริง ตลอดหน้าประวัติศาสตร์จากเวลานั้นจนถึงบัดนี้และตราบที่โลกยังอยู่ ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้ปกครองที่ปล้นสะดมอำนาจการปกครองอีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาพยายามที่จะปกปิดความจริง และร่องรอยทางประวัติศาสตร์มากเท่าใด ผลกระทบและร่องรอยของขบวนการณ์ หมายถึงการฟื้นฟูหลักการและศาสนาของท่านเราะซูล (ซ็อล ) ก็จะยิ่งชัดเจนและทวีความสำเร็จมากยิ่งขึ้น แน่นอน การยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) จึงกลายเป็นประทีปนำทางและเป็นนาวาที่ให้ความช่วยเหลือประชาชาติให้รอดปลอดภัย ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องรับสาส์นต่อจากท่านหญิงซัยนับ (.) และท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (.) และประกาศสาส์นนี้ออกไปให้ชาวโลกทั้งหลายได้ประจักษ์ความจริง พิธีกรรมการรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) จึงกลายเป็นการฟื้นฟูอิสลามให้ดำรงสืบต่อไป และเป็นเหตุผลสำหรับผู้ที่ใฝ่หาความจริง

แหล่งอ้างอิงเพื่อการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป :

บิลาซะรีย์, อินซาบุลอัชรอฟ, เล่ม 2

อิบนุอะซากิร ตะฮฺซีบุตตารีค ดามัสกัส, เล่ม. 2

อัลลามะฮฺ มัจญฺลิส, บิฮารุลอันวาร เล่ม. 44

อิบนุ อะซีร อัลกามิลฟิลตารีค, เล่ม 3

อัดดัยนูรี อิบนุกุตัยบะฮฺ อัลอิมามะฮฺ วัซซิยาซะฮฺ

เชคมุฟีด อัลเอรชาด

ยะอ์กูบี อิบนุวาฎิฮ์ ตารีคยะกูบี

มัสอูดดี มุรูจญฺ อัซซิฮับ

เอซฟาฮานี อบุลฟะรัจญ์ มะกอติล อัฏฏอลิบีน

อัลยาซีน มุฮัมมัด ฮะซัน อัลอิมามฮะซัน บิน อะลี (.)



[1]  อะมีน อามิลีย์ ซัยยิด มุอ์ซิน อิมามฮะซันและอิมามฮุซัยนฺ (.) หน้า 70,54

[2] อ้างแล้วเล่มเดิม หน้า 148

[3]  มุฮัดดะซีย์ ญะวาด ฟัรฮังอาชูรอ หน้า 27 38 และหน้า 428,430

[4]  นิมอเยะฮฺ ความชั่วร้ายในรัฐบาลอิสลาม คำถามที่ 103 (ไซต์ 1019)

[5]  มุฮัดดะซีย์ ญะวาด ฟัรฮังอาชูรอ หน้า 484, 482, [5]  อะมีน อามิลีย์ ซัยยิด มุอ์ซิน อิมา

ฮะซันและอิมามฮุซัยนฺ (.) หน้า 282, 276

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • บาปใหญ่จะได้รับการอภัยหรือไม่?
    17345 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/21
    บาปใหญ่คือบาปประเภทที่กุรอานหรือบทฮะดีษแจ้งว่าจะต้องถูกสำเร็จโทษ(แต่ก็ยังมีสิ่งชี้วัดอื่นๆที่บ่งบอกถึงบาปใหญ่) ทั้งนี้การฝืนกระทำบาปเล็กซ้ำหลายครั้งก็ทำให้บาปเล็กกลายเป็นบาปใหญ่ได้เช่นกันอย่างไรก็ดีอัลลอฮ์ได้ทรงให้สัญญาในกุรอานว่าจะทรงอภัยโทษบาปทุกประเภทโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเตาบะฮ์อย่างถูกต้องเสียก่อนเตาบะฮ์ในกรณีสิทธิของอัลลอฮ์หมายถึงการชดเชยอะมั้ลอิบาดะฮ์ที่เคยงดเว้นประกอบกับการกล่าวอิสติฆฟารอย่างบริสุทธิใจส่วนเตาบะฮ์ในกรณีสิทธิของมนุษย์หมายถึงการกล่าวอิสติฆฟารคืนสิทธิแก่ผู้เสียหายและขอให้คู่กรณียกโทษให้ ...
  • เพราะเหตุใดอัลกุรอานบางโองการ มีความหมายขัดแย้งกับความบริสุทธิ์ของศาสดา
    8565 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/04/21
    คำตอบสำหรับคำถามข้างต้นสามารถกล่าวได้ว่า1) คำว่าอิซมัตเป็นสภาพหนึ่งทางจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่มีความบริสุทธิ์อันเป็นสาเหตุทำให้บุคคลนั้นหันหลังให้กับบาปกรรมพฤติกรรมชั่วร้ายและความผิดต่างๆโดยสิ้นเชิงอีกทั้งสภาพดังกล่าวยังปกป้องบุคคลนั้นให้รอดพ้นจากความผิดพลาดและการหลงลืมโดยปราศจากการปฏิเสธเจตนารมณ์เสรีหรือมีการบีบบังคับให้บุคคลนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์2. ...
  • สำนักคิดทั้งสี่ของอะฮฺลุซซุนะฮฺ เกิดขึ้นได้อย่างไร และการอิจญฺติฮาดของพวกเขาได้ถูกปิดได้อย่างไร?
    7964 สิทธิและกฎหมาย 2555/01/23
    วิชาการในอิสลามและฟิกฮฺอิสลามหลังจากเหตุการณ์ในยุคแรกของอิสลามปัญหาตัวแทนและเคาะลิฟะฮฺของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) แล้วได้แบ่งออกเป็น
  • ผมได้หมั้นหมายกับคู่หมั้นมานานเกือบ 10 ปี แล้วเราสามารถอ่านอักด์ชัรอียฺก่อนแต่งงานตามกฎหมายได้หรือไม่?
    6580 สิทธิและกฎหมาย 2555/04/07
    คำตอบจากบรรดามัรญิอฺตักลีดเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ตามที่มีผู้ถามมา[1] ฯพณฯท่านอายะตุลลอฮฺ .. : 1. ฯพณฯ ท่านอายะตุลลอฮฺ คอเมเนอี : ด้วยการใส่ใจและตรวจสอบเงื่อนไขทางชัรอียฺแล้ว, โดยตัวของมันไม่มีปัญหาแต่อย่างใด 2.ฯพณฯ ท่านอายะตุลลอฮฺ ซิตตานียฺ : การอ่านอักด์นิกาห์กับหญิงสาวบริสุทธิ์ต้องขออนุญาตบิดาของเธอก่อน 3.ฯพณฯ ท่านอายะตุลลอฮฺ ซอฟฟี ฆุลภัยฆอนียฺ : การแต่งงานของชายผู้ศรัทธากับหญิงผู้ศรัทธา มีเงื่อนไขหลักหลายประการ (เช่น การได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองของฝ่ายหญิงเป็นต้น) โดยตัวของมันแล้วไม่มีปัญหา แต่ถ้มีปัญหาอื่นจงเขียนคำถามมาให้ชัดเจน เพื่อจะได้ตอบไปตามความเหมาะสม 4.ฯพณฯ ท่านอายะตุลลอฮฺ มะการิม ชีรอซียฺ : ตามตัวบทกฎหมายของรัฐอิสลาม, การแต่งงานลักษณะนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ...
  • ตัฟซีรอิมามฮะซัน อัสการีย์ (อ.) »อัลฮัมดุลลิลฮิร็อบบิลอาละมีน« หมายถึงอะไร?
    11518 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/05/17
    ตัฟซีรอิมามฮะซัน อัสการียฺ (อ.) เป็นหนึ่งในตัฟซีรที่กล่าวว่าเป็นของท่านอิมาม ซึ่งมีเหตุผลบางประการพาดพิงว่าตัฟซีรดังกล่าวเป็นของท่านอิมาม แต่เป็นเหตุผลที่เชื่อถือไม่ได้แน่นอน ตัฟซีรชุดนี้ได้มีการตีความอัลกุรอาน บทฟาติฮะฮฺ (ฮัม) และบทบะเกาะเราะฮฺ โองการ 282 โดยรายงานฮะดีซ ซึ่งในวิชาอุลูมกุรอานเรียกว่าตัฟซีร »มะอฺซูเราะฮฺ« อย่างไรก็ตาม, ท่านอิมามฮะซันอัสการียฺ (อ.) ได้อธิบายถึงประโยคที่ว่า «اَلْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعالَمِين» ไว้ในหลายประเด็น, เนื่องจาการขอบคุณอัลลอฮฺ เพราะความโปรดปรานต่างๆ อันไม่อาจคำนวณนับได้, การสนับสนุนสรรพสิ่งถูกสร้าง, ความประเสริฐ และความดีกว่าของชีอะฮฺ เนื่องจากการยอมรับวิลายะฮฺ และอิมามะฮฺของท่านอิมามอะลี (อ.) และกล่าวว่า เนื่องจากจำเป็นต้องขอบคุณอัลลอฮฺ เพราะความโปรดปรานของพระองค์ จึงได้กล่าวว่า «اَلْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعالَمِين» ...
  • ฮะดีษนี้เศาะฮี้ห์หรือไม่: การภักดีต่ออลี(อ.)คือสัมมาคารวะที่แท้จริง และการไม่ภักดีต่อท่าน คือการปฏิเสธพระเจ้า
    7340 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/11/09
    ฮะดีษนี้มีเนื้อหาที่ถูกต้องเนื่องจากมีรายงานอย่างเป็นเอกฉันท์กล่าวคือมีฮะดีษมากมายที่ถ่ายทอดถึงเนื้อหาดังกล่าวอย่างไรก็ดีการปฏิเสธในที่นี้ไม่ไช่การปฏิเสธอิสลามแต่เป็นการปฏิเสธอีหม่านที่แท้จริงแน่นอนว่าการปฏิเสธอีหม่านที่แท้จริงย่อมมิได้ทำให้บุคคลผู้นั้นอยู่ในฮุก่มของกาเฟรทั่วไปในแง่ความเป็นนะญิส ...ฯลฯต้องเข้าใจว่าที่เชื่อว่าการไม่จงรักภักดีต่อท่านอิมามอลี(อ.)เท่ากับปฏิเสธอีหม่านที่แท้จริงนั้นเป็นเพราะการจงรักภักดีต่อท่านคือแนวทางสัจธรรมที่พระองค์ทรงกำหนดฉะนั้นผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของท่านก็เท่ากับฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58076 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • เพราะเหตุใดอัลลอฮฺ (ซบ.) จึงทรงสร้างชัยฏอน?
    10149 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/04/21
    ประการแรก: บทบาทของชัยฏอนในการทำให้มนุษย์หลงผิดและหลงทางออกไปนั้นอยู่ในขอบข่ายของการเชิญชวนประการที่สอง : ความสมบูรณ์นั้นจะอยู่ท่ามกลางการต่อต้านและสิ่งตรงกันข้ามด้วยเหตุผลนี้เองการสร้างสรรพสิ่งเช่นนี้ขึ้นมาในระบบที่ดีงามมิได้เป็นสิ่งไร้สาระและไร้ความหมายแต่อย่างใดทว่าถูกนับว่าเป็นรูปโฉมหนึ่งจากความเมตตาและความดีของพระเจ้า ...
  • กฎทางชัรอียฺ และผลสะท้อนของการสาปแช่ง และการปฏิเสธความจริงแก่คนอื่น เป็นอย่างไร?
    12205 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/05/20
    ตามหลักคำสอนของศาสนาของเรา นอกจากจะห้ามมิให้มีการสาปแช่ง หรือปฏิเสธอย่างไม่ถูกต้องต่อคนอื่นแล้ว ยังไม่อนุญาตให้กระทำเช่นนั้นอีกต่างหาก, มีรายงานจำนวนมากมายจากบรรดาอิมามผู้นำ กล่าวว่า, ถ้าหากใครก็ตาม, ได้สาปแช่งบุคคลหนึ่ง ทั้งที่บุคคลนั้นไม่สมควรได้รับการสาปแช่งแม้แต่นิดเดียว, การสาปแช่งนั้นจะย้อนกลับไปหาผู้สาปแช่ง ...
  • มีฮะดีษบทใดบ้างที่กล่าวถึงบุตรซินา?
    8662 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/19
    อิสลามถือว่าบุตรที่เกิดจากการผิดประเวณี (บุตรซินา) มีสถานะเฉพาะตัวซึ่งท่านนบี(ซ.ล.)และบรรดาอิมาม(อ.)ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ตามแหล่งอ้างอิงดังต่อไปนี้1. มรดกของบุตรซินาวะซาอิลุชชีอะฮ์,เล่ม 26,หน้า 274, بَابُ أَنَّ وَلَدَ الزِّنَا لَا یَرِثُهُ الزَّانِی وَ لَا الزَّانِیَةُ وَ لَا مَنْ تَقَرَّبَ بِهِمَا وَ لَا یَرِثُهُمْ بَلْ مِیرَاثُهُ لِوُلْدِهِ أَوْ نَحْوِهِمْ وَ مَعَ عَدَمِهِمْ لِلْإِمَامِ وَ أَنَّ مَنِ ادَّعَى ابْنَ جَارِیَتِهِ وَ لَمْ یُعْلَمْ کَذِبُهُ قُبِلَ قَوْلُهُ وَ لَزِمَهُ

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60504 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58076 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42607 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39966 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39242 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34360 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28423 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28336 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28264 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26200 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...