การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
8783
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2556/02/06
 
รหัสในเว็บไซต์ fa26280 รหัสสำเนา 54904
หมวดหมู่ آراء شناسی|کلیات
คำถามอย่างย่อ
เพราะสาเหตุใดที่ ปรัชญาอันเป็นแบบฉบับของอิสลาม ไม่สามารถยกสถานภาพของตนให้กับ ปรัชญาใหม่แห่งตะวันตกได้ พร้อมกันนั้นปรัชญาอิสลาม ยังคงดำเนินต่อไปตามแบบอย่างของตน?
คำถาม
เป็นเพราะสาเหตุอันใดที่ ปรัชญาดั้งเดิมของอิสลาม จึงไม่เหมือนกับ ฟิซีกส์ดั้งเดิมของอาริสโตเติล หรือนักเคมี หรือนักดาราศาสตร์และและคนอื่นๆ ซึ่งได้ยกทฤษฎีของตนให้กับนักฟิสิกซ์ยุคใหม่ เฉกเช่น นิวตัน หรือไอสไตน์ (นักเคมีสมัยใหม่) หรือนักดาราศาสตร์ยุคใหม่ เช่น กาลิเลโอ และคนอื่นๆ ซึ่งอิสลามมิได้ยกทฤษฎีของตนให้กับ ปรัชญาตะวันตก พร้อมกันนั้นปรัชญาอิสลาม ยังคงดำเนินต่อไปตามแบบอย่างของตน นั่นเป็นเพราะว่านักปรัชญาของอิสลาม ไม่รู้และไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับนักปรัชญา และปรัชญาตะวันตก ใช่หรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป
การยอมรับทุกทฤษฎีความรู้นั้นสิ่งจำเป็นคือ ต้องมีพื้นฐานของเหตุผลเป็นหลัก ดังนั้น บนพื้นฐานดังกล่าวนี้ ถ้าหากว่าสมมติฐานต่างๆ ในอดีตบางอย่าง ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ไม่ถูกต้องหรือเป็นโมฆะนั่นก็มิได้หมายความว่า ทฤษฎีความรู้ทั้งหมดเหล่านั้น จะโมฆะไปด้วย แต่ปรัชญาอิสลามนั้นแตกต่างไปจากทฤษฎีความรู้ดังกล่าวมา ตรงที่ว่าปรัชญาอิสลามมีความเชื่อ ที่วางอยู่บนเหตุผลในเชิงตรรกะ และสติปัญญา ดังนั้น เมื่อถูกปรัชญาตะวันตกเข้าโจมตี นอกจากจะไม่ยอมสิโรราบแล้ว ยังสามารถใช้เหตุผลโต้ตอบปรัชญาตะวันตกได้อย่างองอาจ นักปรัชญาอิสลามส่วนใหญ่มีการศึกษาปรัชญาตะวันตก และนักปรัชญาตะวันตก พร้อมกับมีการหักล้างอย่างจริงจัง
 
คำตอบเชิงรายละเอียด
การวิพากวิจารณ์ทางวิชาการนั้น เป็นที่รู้กันว่าต้องวางอยู่บนพื้นฐานของการศึกษา ค้นคว้า และวิจัย กล่าวคือการยอมรับ หรือการหักล้างต่างๆ จำเป็นต้องมีหลักฐานที่มีเหตุผล และได้รับการพิสูจน์แล้ว ด้วยเหตุนี้ จะเห็นว่านักวิชาการคนดังกล่าวนั้น  ในการยอมรับหรือหักล้างข้อมูล จะไม่นำเสนอสมมติฐาน หรือทัศนะ หรือทฤษฎีใหม่โดยการลอกเรียนแบบ มาจากบุคคลอื่น ดังจะเห็นว่า บนพื้นฐานดังกล่าวนักวิชาการสามารถก้าวไปพร้อมกับ ความเจริญของสังคมส่วนใหญ่ได้อย่างไร้ปัญหา  ฉะนั้น ตรงนี้ ถ้าสมมติว่าทฤษฎีบางอย่างในอดีต ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ถูกต้อง เราก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่าความรู้ทั้งหมดที่มีมาแต่อดีต จะต้องเป็นโมฆะและถูกโยนทิ้งทั้งหมด ทว่าสามารถกล่าวได้ว่า วิชาการปัจจุบันนั้นวางอยู่บนพื้นฐานของหลักคิด และทฤษฎีในอดีต แม้ว่าสมมติฐานในอดีตมากมาย ได้ยกทฤษฎีของตนให้กับความรู้สมัยใหม่ก้ตาม เช่น หนึ่งในตัวอย่างเหล่านั้นก็คือ วิชาการคำนวณ วิชาการสาขานี้วางอยู่บนหลักการของคณิตศาสตร์ และเรขาคณิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาเรขาคณิตเกียวกับชั้นบรรยากาศ กล่าวคือพื้นฐานของวิชานี้จะคำนวณเกี่ยวกับ วงกลมและการโคจรรอบ ต้องการพิสูจน์ให้เห็นถึงวิถีการโคจร ระหว่างวงกลมกับขนาดของมัน ส่วนวิชาคำนวณสมัยใหม่ ภารกิจหนักของเขาก็คือสิ่งนี้เช่นเดียวกัน ทว่านักวิชาการสมัยก่อนนั้น เนื่องจากความแข็งแรงทางวิชาการ และความมั่นคงในวิชาเหล่านั้น พวกจึงได้ทำการพิสูจน์ความจริงต่างๆ ไว้มากมาย ซึ่งนักวิชาการสมัยใหม่เองก็ได้ศึกษาค้นคว้า ต่อจากการค้นคว้าของนักวิชาการในอดีต ซึ่งปัจจุบันเราก็เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาว่า ความพยายามอย่างกว้างขวางของมหาวิทยาลัย และศูนย์กลางการค้นคว้าและวิจัยของตะวันตก พยายามใขว่คว้าหาตำรับตำราของนักวิชาการอิสลาม เกี่ยวกับวิชาคำนวณและคณิตศาสตร์[1] ประเด็นที่หน้าสนใจอย่างยิ่งคือ อดีตสมมติฐานตามหลักทฤษฎีว่า โลกคือศูนย์กลางของการโคจร ในระบบสุริยะ แต่ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่า โลกคือส่วนหนึ่งของระบบสุริยะ เท่ากับเป็นการปฏิเสธสมมตุฐานที่เกิดขึ้น
อายะตุลลอฮฺ ฮะซันซอเดะฮฺ ออมูลี อธิบายประเด็นดังกล่าวว่า ตามหลักวิชาดาราศาสตร์ จุดประสงค์หลักของระบบสุริยะก็คือ การโคจรรอบเป็นวงรี แต่เพื่อความง่ายต่อการทำความเข้าใจ ในการศึกษา เมื่อกล่าวถึงตัวตนของระบบสุริยะ จึงหมายถึงท้องฟ้าชึ้นต่างๆ เพื่อให้มองเห็นเป็นรูปภาพ[2]
บรรดานักวิชาการ นั้นต้องการสร้างความง่ายดายต่อการเรียนรู้ จึงได้พาดพิงการโคจรของหมู่ดาวต่าๆ อยู่บนพื้นฐานของการระวัง จึงสร้างและวางระบบการโคจรให้มองเห็นเป็นรูปร่าง ซึ่งระบบที่จัดวางขึ้นมานั้น มิได้ขัดแย้งกับกฎเกณฑ์ทางปรัชญาแต่อย่างใด เช่น จะต้องไม่มีช่องว่างเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เองจะเห็นว่า วิชาดาราศาสตร์พยายามทำให้มองเห็นภาพ ในระบบของการโคจร ซึ่งการมองเห็นภาพนั้น ในวิชาด้านนี้ถือว่าเพียงพอแล้ว ต่อการไม่มีช่องว่างเกิดขึ้น จึงวางให้ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของการโคจร โดยมีดาวนพเคราะห์ดวงอื่นโดจรรอบดวงอาทิตย์ ใกล้ไกลห่างกันออกไปเป็นชั้นๆ ประหนึ่งชั้นของหัวหอมที่ซ้อนกันโดยที่ไม่มีช่องว่างเกิดขั้น ระหว่างชั้นเหล่านั้น[3]
อย่างไรก็ตามดังที่กล่าวมาแล้วว่า การหักล้างหรือการไม่ยอมรับปัญหาด้านวิชาการ ปัญหาใดปัญหาหนึ่งนั้น จำเป็นต้องวางอยู่บนหลักการและเหตุผล ด้วยเหตุนี้เอง จะเห็นว่าวิชาปรัชญาอิสลาม นอกจากจะไม่ยอมรับ การโจมตีของปรัชญาตะวัน ด้วยเหตุที่แข็งแรงทางความเชื่อ ที่มีต่อเหตุผลเชิงตรรกะ และสติปัญญาแล้ว ยังสามารถหักล้างเหตุผลของปรัชญาตะวันตกได้อีกต่างหาก นอกจากนั้นนักปรัชญาอิสลามยังศึกษาปรัชญาตะวันตก วิเคราะห์ และหักล้างเหตุเหล่านั้น หนึ่งในตัวอย่างนั้นคือ “หนังสืออุซูลฟัลซะฟะฮ์ วะระเวช เรอาริซม์” เขียนโดย อัลลามะฮฺ เฏาะบาเฏาะบาอี อธิบายโดย อายะตุลลอฮฺ ชะฮีด มุเฏาะฮะรี และสิ่งที่น่าสังเกตคือ แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านล่วงเลยไปแล้วครึ่งศตวรรษ นักปรัชญาตะวันตก หรือผู้ใฝ่ในปรัชญาตะวันตก ยังหลงไหลในเสน่ห์ของปรัชญาในประเทศเราอย่างไม่ส่างซา ที่สำคัญยังไม่มีนักปรัชญาคนใด ตอบหรือหักล้างในเชิงเหตุผลที่มีต่อหนังสือดังกล่าว การนิ่งเงียบนานเกินกว่า 60 ปี ของนักปรัชญาตะวันตกที่กล่าวอ้างตนเองมาโดยตลอดนั้น ถือเป็นการเพลี้ยงพล้ำอย่างหนักหนาสาหัสสำหรับพวกเขา
สรุปประเด็นสำคัญไว้ 2 ประเด็น
1.วัตถุประสงค์ของ ปรัชญาตะวันตก หมายถึงปรัชญาที่เจริญและครอบคลุมอยู่ในตะวันตก ซึ่งมีคุณลักษณะพิเศษอยู่ 2 ประการ ได้แก่ ก. มองว่าความจริงเป็นเพียงสัมผัสหนึ่ง ข. การรับรู้ของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการสัมผัสเท่านั้น กล่าวคือ เฉพาะวิทยาศาสตร์เท่านั้น ที่เชื่อถือได้และมีคุณค่าทางวทฤษฎีและวิชาการ ส่วนวิชาการด้านใดก็ตามที่ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยผัสสะแล้วละก็ จะถือว่าวิชาการเหล่านั้น เชื่อถือไม่ได้และไม่มีคุณค่าทางวิชาการแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้เอง จะเห็นว่ามุมมองหนึ่งที่เป็นปัญหาสำหรับปรัชญาตะวันตกคือ การอยู่ในความสงสัยตลอดเวลา อีกนัยหนึ่งสามารถกล่าวได้ว่า พวกเขาขุดรากถอนโคนวิชาการของตน ด้วยมือตนเองโดยไม่เจตนา[4]
2 .สามารถกล่าวได้ว่า ทุกทฤษฎีความรู้นั้น มีจุดบวกอันก่อให้เกิดประโยชน์ทางวิชาการ ดังนั้น ปรัชญาตะวันตกเองก็มีประเด็นที่มีประโยชน์ไม่น้อย ด้วยตัวมันเอง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ประโยชน์เหล่านั้น
 

[1] อายะตุลลอฮฺ ฮะซัน ซอเดะฮฺ ออมูลี ผู้เชี่ยวชาญวิชาคำนวณและคณิตศาสตร์โบราณ ในชั้นเรียนท่านได้กล่าวถึงความทรงจำอันมากมายที่มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงหลายแห่งในฝรั่งเศส เชิญท่านไปสอนและบรรยายพิเศษเกี่ยวกับวิชาการดังกล่าว  และสำหรับการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย ตลอดจนความพยายามของมหาวิทยาลัก ที่จะสอนตำราเหล่านั้น ท่านกล่าวต่อไปอีกว่า ประเทศตะวันตกพยายามจะโฆษณาชวนเชื่อประชาชนของตนเอง เบื้องต้นพวกเขาพยายามบอกกับชาวมุสลิมว่า วิชาการเหล่านี้ล่มสลายและโมฆะไปหมดแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็ขนตำรับตำราเกี่ยวกับวิชาเหล่านั้น ออกนอกประเทศ ด้วยเลห์เพทุบายต่างๆด
[2] ฮะซันซอเดะฮฺ ออมูลี ฮะซัน บทเรียนดาราศาสตร์ เล่ม 2หน้า 107 พิมพ์ครั้งที่ 2 สำนักพิมพ์ ดัฟตัรตับลีฆอต อิสลามี กุม 1375
[3] อ้างแล้วเล่มเดิม หน้า 744 - 747
[4] ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก มุเฏาะฮะรียฺ มุรตะฏอ อุซูลฟัลซะฟะฮฺ เล่ม 1 บทวิเคราะห์ที่ 1-4 ดัฟตัรตับลีฆอต อิสลามี กุม
แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ท่านอิมามฮุเซน(อ.)มีบุตรสาวชื่อรุก็อยยะฮ์หรือสะกีนะฮ์ไช่หรือไม่ ที่เสียชีวิตที่ดามัสกัสขณะอายุได้สามหรือสี่ขวบ?
    7183 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    แม้ว่านักประวัติศาสตร์จะมิได้กล่าวถึงบุตรสาวตัวน้อยของอิมามฮุเซน(อ.) ที่มีนามว่ารุก็อยยะฮ์หรือฟาฏิมะฮ์ศุฆรอฯลฯแต่ตำราบางเล่มก็สาธยายเรื่องราวอันน่าเวทนาของเด็กหญิงคนนี้ณซากปรักหักพังในแคว้นชามเราพบว่ามีเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวปรากฏในตำราประวัติศาสตร์บางเล่มอาทิเช่นก. เมื่อท่านหญิงซัยนับ(ส.) ได้เห็นศีรษะของอิมามฮุเซน(อ.) ผู้เป็นพี่ชายนางได้รำพึงรำพันบทกวีที่มีเนื้อหาว่า “โอ้พี่จ๋าโปรดคุยกับฟาฏิมะฮ์น้อยสักนิดเถิดเพราะหัวใจนางกำลังจะสูญสลาย”
  • เหตุใดซิยารัตอาชูรอจึงมีการประณามบนีอุมัยยะฮ์แบบเหมารวม “لَعَنَ اللَّهُ بَنى اُمَیَّةقاطِبَةً” คนดีๆในหมู่บนีอุมัยยะฮ์ผิดอะไรหรือจึงต้องถูกประณามไปด้วย?
    6916 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/06/28
    อิสลามสอนว่าไม่ว่าจะในโลกนี้หรือโลกหน้าอัลลอฮ์ไม่มีทางลงโทษบุคคลใดหรือกลุ่มใดเนื่องจากบาปที่ผู้อื่นก่อนอกเสียจากว่าเขาจะมีส่วนร่วมหรือพึงพอใจหรือไม่ห้ามปราม กุรอานและฮะดีษสอนว่าสิ่งที่จะเชื่อมโยงบุคคลให้สังกัดในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งคือความคล้ายคลึงกันในแง่ของแนวคิดและวิธีปฏิบัติดังที่กุรอานไม่ถือว่าบุตรชายผู้ดื้อรั้นของนบีนู้ฮ์เป็นสมาชิกครอบครัวท่านทั้งนี้ก็เนื่องจากมีแนวคิดและวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉะนั้นบนีอุมัยยะฮ์ที่ถูกประณามในที่นี้หมายถึงผู้ที่มีแนวคิดและวิธีปฏิบัติสอดคล้องกับบรรพบุรุษที่เคยมีบทบาทในการสังหารโหดท่านอิมามฮุเซน(อ.) หรือเคยยุยงต่อต้านสัจธรรมแห่งอิมามัตรวมถึงผู้ที่ละเว้นการตักเตือนเท่านั้นทว่าเชื้อสายบนีอุมัยยะฮ์ที่ไม่มีประวัติด่างพร้อยใดๆย่อมไม่ถูกประณาม ...
  • สินไหมชดเชยการฆ่าผิดพลาด เป็นจำนวนเท่าไหร่? ทุกวันนี้ค่าเงินดีนารและดิรฮัม, เทียบเท่ากี่ดอลลาร์?
    7819 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/20
    ค่าเงินดิรฮัมและดีนาร เป็นค่าเงินสมัยท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) และอิมามมะอฺซูม (อ.) ซึ่งปัจจุบันภารกิจด้านชัรอียฺและกฎหมายก็ยังใช้อยู่ และปัจจุบันบางภารกิจยังใช้ค่าเงินนั้นอยู่ ดีนาร, คือเหรียญซึ่งทำจากทองคำ ส่วนดิรฮัมทำด้วยเงิน, ดังนั้น ถ้ารู้น้ำหนักทองหรือเงินที่ใช้ทำเหรียญ ดินาร และดิรฮัม ก็จะทำให้เราเข้าใจถึงราคาปัจจุบันของเหรียญทั้งสองทันที, ปกติดินารชัรอียฺ ประมาณ 4/42 กรัม แต่ทัศนะของบางคนกล่าวว่า 4/46 กรัม[1] ดังนั้น ถ้าคิดเทียบอัตราค่าทองและเงินในปัจจุบัน ก็สามารถกำหนดราคาทองคำและเงิน โดยคำนวณเป็นเงินดอลลาร์ได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับภารกิจบางอย่าง ซึ่งอยู่ในฐานะของ สินไหมชดเชยการฆ่าผิดพลาด จำเป็นต้องจ่ายออกไปเป็นดิรฮัมและดินาร ซึ่งสามารถแบ่งได้หลายกรณีดังนี้ : 1.ถ้าหากผู้ตายเป็นชาย เป็นมุสลิม ...
  • เราจะทราบได้อย่างไรว่าอิมามมะฮ์ดีพอใจในตัวพวกเรา
    6064 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/17
    ผู้ศรัทธาและชีอะฮ์ของอิมามมะฮ์ดีทราบดีว่าการกระทำของตนเป็นที่ประจักษ์สำหรับอิมามตลอดเวลาพวกเขาพยายามใกล้ชิดกับอัลลอฮ์และขัดเกลาจิตวิญญาณของตนให้มากขึ้นและจะพยายามระมัดระวังไม่ทำในสิ่งที่อาจจะทำให้ท่านไม่พอใจทั้งนี้ก็เนื่องจากกลัวว่าท่านจะหม่นหมองใจหรือกลัวที่จะถูกละเว้นจากความโปรดปรานของท่านและเพื่อที่จะดึงดูดความสนใจของท่านมายังตนเองอิมามมะฮ์ดี(อ.)เป็นอิมามที่เปี่ยมด้วยเมตตาและมีความเอื้ออาทรมนุษย์ทุกคนและทุกสรรพสิ่งเนื่องจากเป้าหมายและภารกิจของบรรดาอิมามคล้ายคลึงกับเป้าหมายและภารกิจของท่านนบี(
  • กรุณาแจกแจงความสำคัญของฮะดีษกิซาอ์
    8745 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/12/21
    ฮะดีษกิซาอ์ที่ปรากฏในตำราฮะดีษและหนังสือมะฟาตีฮุลญินานของเชคอับบาสกุมีมีความสำคัญเป็นพิเศษในแง่อิมามัตและอิศมัต(ภาวะไร้บาป)ตำแหน่งอิมามและวิลายะฮ์ของอะฮ์ลุลบัยต์ได้รับการพิสูจน์จากเบาะแสในฮะดีษบทนี้เนื่องจากกริยาและวาจาของท่านนบี(ซ.
  • บรรดาเชลยแห่งกัรบะลาอฺมุฮัรรอม ได้เคลื่อนออกจากกัรบะลาอฺไปยังเมืองชามวันอะไร?
    6709 تاريخ کلام 2554/06/22
    ตามรายงานที่ปรากฏอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์และมะกอติล, กองคาราวานเชลยแห่งกัรบะลาอฺได้เคลื่อนออกจากกัรบะลาอฺในวันที่ 11 เดือนมุฮัรรอมและวันที่ 12 เดือนมุฮัรรอมได้มาถึงเมืองกูฟะฮฺและเคลื่อนออกจากเมืองกูฟะฮฺไปยังเมืองชามในวันที่ 19 เดือนมุฮัรรอมและถึงเมืองชามในวันที่ 1 เดือนเซาะฟัร[1]
  • แต่ละเมืองสามารถมีนมาซวันศุกร์ได้เพียงแห่งเดียวไช่หรือไม่?
    6009 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/11
    ต่อข้อคำถามดังกล่าวบทบัญญัติศาสนาให้ถือระยะห่างระหว่างนมาซวันศุกร์สองแห่งเป็นเกณฑ์.บรรดามัรญะอ์ระดับสูงระบุว่า: ระยะห่างหนึ่งฟัรสัค(6กม.) ถือเป็นระยะห่างที่น้อยที่สุดระหว่างนมาซวันศุกร์สองแห่งหากมีการนมาซวันศุกร์สักแห่งแล้วไม่ควรมีนมาซวันศุกร์แห่งอื่นภายในรัศมีหนึ่งฟัรสัคอีกฉะนั้น การนมาซวันศุกร์สองแห่งที่เว้นระยะห่างหนึ่งฟัรสัคแล้วถือว่าถูกต้องทั้งสองแห่ง. อนึ่ง พิกัดที่ใช้วัดระยะห่างในที่นี้คือสถานที่จัดนมาซวันศุกร์มิได้วัดจากเขตเมือง เมืองใหญ่ที่มีรัศมีหลายฟัรสัคจึงสามารถจัดนมาซวันศุกร์ได้หลายแห่ง.[1]แต่หากเมืองใดมีการนมาซวันศุกร์สองแห่งโดยเว้นระยะห่างไม่ถึงหนึ่งฟัรสัค, ที่ใดที่เริ่มช้ากว่าให้ถือว่าเป็นโมฆะ แต่หากทั้งสองแห่งกล่าวตักบีเราะตุลเอียะฮ์รอมพร้อมกันให้ถือว่าทั้งสองเป็นโมฆะ.
  • ระหว่างการกระทำกับผลบุญที่พระองค์จะทรงตอบแทนนั้น มีความสอดคล้องกันหรือไม่?
    7192 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/10/18
    การสัญญาว่าจะมอบผลบุญให้อย่างที่กล่าวมามิได้ขัดต่อความยุติธรรมหรือหลักดุลยภาพระหว่างการกระทำกับผลบุญแต่อย่างใดเพราะหากจะนิยามความยุติธรรมว่าคือ"การวางทุกสิ่งในสถานะอันเหมาะสม"ซึ่งในที่นี้ก็คือการวางผลบุญบนการกระทำที่เหมาะสมก็ต้องเรียนว่ามีความเหมาะสมเป็นอย่างดีเนื่องจาก ก. จุดประสงค์ของฮะดีษที่อธิบายผลบุญเหล่านี้คือการเน้นย้ำถึงความสำคัญของอิบาดะฮ์ที่กล่าวถึงมิได้ต้องการจะดึงฮัจย์หรือญิฮาดลงต่ำแต่อย่างใดซ้ำยังถือว่าฮะดีษประเภทนี้กำลังยกย่องการทำฮัจย์หรือญิฮาดทางอ้อมได้อีกด้วยเนื่องจากยกให้เป็นมาตรวัดอิบาดะฮ์ประเภทอื่นๆ
  • มีวิธีใดบ้างในการชำระบาป
    10269 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/21
    วิธีแสวงหาการอภัยโทษจากอัลลอฮ์มีหลายวิธีด้วยกันอาทิเช่น1.เตาบะฮ์หรือการกลับตนเป็นคนดี (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)2. ประกอบกุศลกรรมที่ยิ่งใหญ่อันจะสามารถลบล้างความผิดบาปได้3. สงวนใจไม่ทำบาปใหญ่ (กะบีเราะฮ์) ซึ่งจะส่งผลให้ได้รับการผ่อนปรนบาปเล็ก4. อดทนต่ออุปสรรคยากเข็ญในโลกนี้รวมทั้งการชำระโทษในโลกแห่งบัรซัคและทนทรมานในการลงทัณฑ์ด่านแรกๆของปรโลก
  • ต้องอ่านดุอาเป็นภาษาอรับจึงจะเห็นผลใช่หรือไม่?
    6738 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/28
    ไม่จำเป็นจะต้องอ่านดุอาตามบทภาษาอรับเพราะแม้ดุอากุนูตในนมาซก็อนุญาตให้กล่าวด้วยภาษาอื่นได้แต่อย่างไรก็ตามเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะอ่านและพยายามครุ่นคิดในบทดุอาภาษาอรับที่บรรดาอิมามได้สอนไว้ทั้งนี้ก็เนื่องจากเหตุผลที่ว่า:ดังที่กุรอานคือพระวจนะของอัลลอฮ์ที่ใช้สนทนากับมนุษย์ดุอาที่บรรดาอิมาม(อ.)สอนเราไว้ก็คือบทเอื้อนเอ่ยที่มนุษย์วอนขอต่ออัลลอฮ์ดังที่ดุอาได้รับการเปรียบว่าเป็น“กุรอานที่เหิรขึ้นเบื้องบน” นั่นหมายความว่าดุอาเหล่านี้มีเนื้อหาลึกซึ้งแฝงเร้นอยู่ดังเช่นกุรอานและเนื้อหาเหล่านี้จะได้รับการตีแผ่อย่างสมบูรณ์ด้วยภาษาอรับเท่านั้นด้วยเหตุผลดังกล่าวมุสลิมจึงควรเรียนรู้ความหมายของนมาซและดุอาต่างๆเพื่อให้รู้ว่ากำลังเอ่ยขอสิ่งใดจากพระผู้เป็นเจ้าหากทำได้ดังนี้ก็จะส่งผลให้ศาสนกิจของตนอุดมไปด้วยสำนึกทางจิตวิญญาณและจะทำให้สามารถโบยบินสู่ความผาสุกอันนิรันดร์ได้.นอกเหนือปัจจัยดังกล่าวแล้วควรให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆด้วยอาทิเช่นเนื้อหาดุอาไม่ควรขัดต่อจารีตที่พระองค์วางไว้ควรศอละวาตแด่นบีและวงศ์วานเสมอผู้ดุอาจะต้องหวังพึ่งพระองค์เท่านั้นมิไช่ผู้อื่นให้บริสุทธิใจและคำนึงถึงความยากไร้ของตนปากกับใจต้องตรงกันยามดุอาเคร่งครัดในข้อบังคับและข้อห้ามทางศาสนากล่าวขอลุแก่โทษต่อพระองค์พยายามย้ำขอดุอามั่นใจและไม่สิ้นหวังในพระองค์.[1][1]มุฮัมมัดตะกีฟัลสะฟี,อธิบายดุอามะการิมุ้ลอัคล้าก,เล่ม1,หน้า ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60109 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57524 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42185 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39331 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38930 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33987 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28004 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27939 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27771 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25772 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...