การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
8155
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/12/08
 
รหัสในเว็บไซต์ fa7802 รหัสสำเนา 19550
คำถามอย่างย่อ
อิมามโคมัยนีเชื่อว่าการร่ำไห้และการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซน(อ.)สามารถรักษาอิสลามให้คงอยู่ถึงปัจจุบันไช่หรือไม่? เพราะเหตุใด?
คำถาม
อิมามโคมัยนีเคยกล่าวไว้หรือไม่ว่า การร่ำไห้และการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซน(อ.)สามารถรักษาอิสลามให้คงอยู่ถึงปัจจุบัน? เพราะเหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น?
คำตอบโดยสังเขป

คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์

คำตอบเชิงรายละเอียด

อิมามโคมัยนีเน้นย้ำเสมอว่า การเสียสละของท่านอิมามฮุเซน(.)ทำให้อิสลามยังคงอยู่ และชี้ให้เห็นว่าการรักษาแนวทางของท่านอิมามฮุเซนมิให้ถูกบิดเบือน กระทำได้ด้วยการจัดมัจลิสไว้อาลัยเพื่อรำลึกถึงท่าน ดังที่ท่านเคยกล่าวว่า "การรวมตัวกันในวันอาชูรอ และการไว้อาลัยแด่ชะฮีดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ล้วนมีความจำเริญมหาศาล"[1]

"เดือนมุฮัรรอมและเศาะฟัรเป็นเดือนที่เปี่ยมด้วยความจำเริญ เดือนแห่งการพิทักษ์อิสลาม จึงต้องฟื้นชีวิตชีวาแก่สองเดือนนี้ด้วยการรำลึกถึงโศกนาฏกรรมของอะฮ์ลุลบัยต์(.) เพราะการรำลึกถึงโศกนาฏรรมนี้ช่วยให้แนวคิดของเรายังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน... มุฮัรรอมและเศาะฟัรนี่แหล่ะที่พิทักษ์อิสลามไว้ การเสียสละของประมุขแห่งเหล่าชะฮีดนี่แหล่ะ ที่ชุบชีวิตอิสลามให้สืบทอดถึงพวกเรา[2] ...ฯลฯ

ท่านอิมามโคมัยนีกล่าวถึงเหตุผลของมุมมองดังกล่าวในสุนทรพจน์หลายครั้งด้วยกัน อาทิเช่นสุนทรพจน์ต่อไปนี้
"
พวกเขาหวั่นกลัววันอาชูรอ, ช่วงมุฮัรรอมและเศาะฟัร, และช่วงเดือนเราะมะฎอน มัจลิสเหล่านี้แหล่ะที่ทำให้ประชาชนรวมตัวกัน หากมีสิ่งใดเป็นประโยชน์แก่อิสลาม หรือผู้ใดต้องการรับใช้อิสลาม สามารถประกาศไปทั่วประเทศผ่านนักคุตบะฮ์หรืออิมามญุมอะฮ์และญะมาอัต การรวมตัวกันภายใต้ร่มธงอิสลาม ร่มธงแห่งอิมามฮุเซน จะช่วยจัดระเบียบให้สังคม หากชาติมหาอำนาจต้องการจะระดมผู้คนในประเทศของตน ก็จะต้องเตรียมการอย่างยาวนานหลายวันและต้องทุ่มทุนมหาศาลเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้มีคนมาฟังการปราศัยที่เตรียมไว้สักห้าหมื่นหรือแสนคน แต่พวกท่านก็เห็นแล้วว่ามัจลิสไว้อาลัยเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงผู้คนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวได้ เพียงมีการจุดประเด็น ประชาชนผู้ไว้อาลัยอิมามฮุเซน(.)ก็จะรวมตัวกัน มิไช่แค่ระดับจังหวัด แต่เป็นการรวมตัวระดับประเทศ ไม่จำเป็นต้องเสียแรงโฆษณาใดๆทั้งสิ้น ขอแค่เป็นคำพูดของอิมามฮุเซนเพียงคำเดียวเท่านั้น ทุกคนจะรวมตัวกันโดยอัตโนมัติ จะเห็นได้ว่าอิมามบางท่าน(เข้าใจว่าอิมามบากิร) สั่งเสียให้มีใครสักคนไว้อาลัยแด่ท่านทุกปีที่มินา ไม่ไช่เพราะท่านอยากมีชื่อเสียง หรือมีผลประโยชน์ส่วนตัว สังเกตุจุดประสงค์ทางการเมืองของท่านให้ดี เพราะเมื่อผู้คนจากทั่วโลกเข้าสู่มินา จะได้มีผู้ที่เล่าโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับอิมามบากิรถึงขั้นลอบสังหารท่าน เพื่อให้เกิดกระแสตื่นตัวทั่วทุกแว่นแคว้น

พวกคลั่งตะวันตกอาจมองเราว่าเป็น"ชาติที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้" พวกเราบางคนอาจรับไม่ได้ว่าน้ำตาแค่หยดเดียวจะทำให้ได้รับผลบุญมากมายได้อย่างไร มัจลิสไว้อาลัยจะมีผลบุญมหาศาลได้อย่างไร บางคนรับไม่ได้ว่าเหตุใดดุอาแค่สองสามบรรทัดจะมีผลบุญมากขนาดนั้น จุดประสงค์ทางการเมืองของดุอาและการขอพรเหล่านี้ก็คือ ทำให้สามารถระดมประชาชนเพื่อบรรลุเป้าหมายที่อิสลามกำหนด มัจลิสไว้อาลัยไม่ได้มีไว้สำหรับร้องไห้ให้ท่านอิมามฮุเซนแล้วรับผลบุญไปเพียงเท่านั้น ประเด็นสำคัญก็คือจุดประสงค์ทางการเมือง ที่บรรดาอิมามของเราได้วางแนวทางไว้ตั้งแต่อิสลามยุคแรกจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือการระดมประชาชนภายใต้ร่มธงเดียวกัน แนวคิดเดียวกัน และไม่มีเรื่องราวใดจะมีอิทธิพลต่อผู้คนได้เท่ากับการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซน(.)...

พวกท่านคิดหรือว่าเหตุการณ์ 15 โค้รด้อด (อันเป็นเชื้อไฟของการปฏิวัติ-ผู้แปล) จะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งมัจลิสไว้อาลัย ไม่ต้องมีขบวนไว้อาลัย ไม่ต้องมีการมะตั่มและการขับโคลงกลอนไว้อาลัยอิมามฮุเซน ที่จริงแล้ว ไม่มีพลังใดจะทำให้เกิด 15 โค้รด้อดได้นอกจากพลังโลหิตของซัยยิดุชชุฮะดา ไม่มีอำนาจใดที่จะยับยั้งการโจมตีจากทุกทิศทุกทางของมหาอำนาจที่มีต่อประชาชนของเราได้นอกจากมัจลิสไว้อาลัย ในมัจลิสเหล่านี้มีการไว้อาลัยและเล่าโศกนาฏกรรมของประมุขของผู้ถูกกดขี่ ผู้ซึ่งต่อสู้และพลีชีพตนเองและญาติมิตรเพื่ออัลลอฮ์ ปัจจัยดังกล่าวได้บ่มเพาะให้วัยรุ่นก้าวสู่สนามรบและถวิลหาการเป็นชะฮีดอย่างภาคภูมิ และจะเสียใจหากมิได้เป็นชะฮีด ปัจจัยดังกล่าวได้บ่มเพาะให้เหล่าแม่บ้านที่เสียสละลูกชายไปแล้ว ยังคะยั้นคะยอว่าพร้อมจะพลีลูกชายที่เหลืออีก มัจลิสไว้อาลัยอิมามฮุเซน มัจลิสดุอา ดุอากุเมลและดุอาบทอื่นๆเท่านั้นที่สร้างแรงจูงใจได้เช่นนี้ และสามารถประคองฐานรากอิสลามให้ดำเนินบนวิถีทางเหล่านี้ต่อไปได้
และหากคนอื่นๆเข้าใจประเด็นข้างต้นว่ามัจลิสไว้อาลัยมีไว้เพื่ออะไร และเหตุใดการร้องไห้จึงมีผลบุญมากมาย เมื่อนั้นจะไม่ปรามาสเราว่าเป็น"ชนชาติที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้" แต่จะเรียกเราว่า "ชนชาติแห่งวีรกรรม" หากพวกเขาเข้าใจว่าอิมามซัยนุลอาบิดีน(.)ที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในกัรบะลา และอยู่ในยุคที่เผด็จการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จนั้น ใช้อานุภาพแห่งบทดุอาปลุกระดมผู้คนได้เพียงใด พวกเขาคงไม่ถามว่า ดุอาเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร? หากนักวิชาการของเราเข้าใจแง่มุมทางการเมืองและสังคมของมัจลิสไว้อาลัยเหล่านี้ ดุอาและซิเกรเหล่านี้ แน่นอนว่าจะไม่ค่อนแคะว่ากระทำสิ่งเหล่านี้ไปเพื่ออะไร? เพราะต่อให้นักวิชาการที่นิยมตะวันตกและเหล่าผู้มีอิทธิพลผนึกกำลังกันเพียงใด ก็ไม่สามารถสร้างเหตุการณ์คล้าย 15 โค้รด้อดขึ้นมาได้ ผู้ที่สามารถกระทำเช่นนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่ผู้คนยอมอยู่ใต้ร่มธงของท่านเท่านั้น...

ขอให้พี่น้องประชาชนเห็นคุณค่าของมัจลิสเหล่านี้ เพราะมัจลิสเหล่านี้จะช่วยพิทักษ์ประชาชาติ เน้นช่วงอาชูรอเป็นพิเศษ และจัดให้มีในช่วงเวลาอื่นๆตามสะดวก ถ้าหากนักวิชาการหัวตะวันตกรู้ถึงแง่มุมทางการเมืองของมัจลิสเหล่านี้ และตระหนักถึงผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง พวกเขานี่แหล่ะที่จะจัดมัจลิสไว้อาลัยอิมามฮุเซน(.) ฉันหวังว่าการจัดมัจลิสเหล่านี้จะพัฒนาขึ้นทั้งในแง่จำนวนและคุณภาพ ทุกภาคส่วนมีอิทธิพลต่อผู้ฟังทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บรรยายที่มีชื่อเสียงไล่เรียงลงไปถึงนักอ่านบทกลอน ผู้ที่อ่านกลอนเพียงไม่กี่บท และผู้ที่เป็นนักบรรยายบนมิมบัร ล้วนมีอิทธิพลทางความคิดทั้งสิ้น แม้พวกเขาจะไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ مِنْ حِیْثُ لا یَشْعُرْ ..

กล่าวได้ว่าเราพัฒนาถึงขั้นที่สามารถปฏิวัติได้ในคราเดียว เสมือนการจุดระเบิดที่ไม่อาจหาที่ใดเปรียบปานได้ เราเคยเป็นชาติที่ต้องพึ่งพาชาติอื่นๆทุกด้าน ระบอบชาห์ทำให้เราสูญเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของชาติ ทันใดนั้นก็เกิดแรงระเบิดขึ้นโดยประชาชน ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากมัจลิสไว้อาลัยที่สามารถระดมผู้คนให้รวมศูนย์ได้ ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่นักบรรยายและอิมามญุมอะฮ์และญะมาอัตควรจะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าเราเป็นชนชาติที่เอาแต่ร้องไห้ ทว่าที่ถูกต้องคือ เราเป็นชาติที่สามารถใช้น้ำตาโค่นบัลลังก์ที่ยืนยาวกว่า 2500 ปีเป็นผลสำเร็จ"[3]

เกี่ยวกับปรัชญาของการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซน(.)นั้น แนะนำให้หาอ่านจากบทความอื่นๆในเว็บไซต์นี้ อาทิเช่น คำถามที่ 348 และ 2302


[1] เศาะฮีฟะฮ์ อิมาม, เล่ม 13,หน้า 326, สถาบันเผยแพร่ผลงานของอิมามโคมัยนี,เตหราน,พิมพ์ครั้งที่สี่, 1386 (ศักราชอิหร่าน)

[2] อ้างแล้ว,เล่ม15,หน้า 330

[3] อ้างแล้ว,เล่ม 16,หน้า 344-348

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • อัลลอฮฺ ทรงอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ธรรมชาติด้วยหรือไม่?
    6026 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/04/07
    อัลลอฮฺ คือพระผู้ทรงกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ทางธรรมชาติ อาตมันสากลของพระองค์มิได้อยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งใดทั้งสิ้น นอกจากความต้องการของพระองค์ หรือเว้นเสียแต่ว่าความประสงค์ของพระองค์ต้องการที่จะปฏิบัติภารกิจหนึ่ง ซึ่งทรงเป็นสาเหตุของการเกิดสิ่งนั้น ขณะเดียวกันการละเมิดกฎต่างๆในโลกที่ต่ำกว่า โดยพลังอำนาจที่ดีกว่าของพระองค์ถือเป็น กฎเกณฑ์อันเฉพาะ และเป็นประกาศิตที่มีความเป็นไปได้เสมอ ซึ่งเราเรียกสิ่งนั้นว่า ปาฏิหาริย์,แน่นอน ปาฏิหาริย์มิได้จำกัดอยู่ในสมัยของบรรดาศาสดาเท่านั้น ทว่าสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสมัย เพียงแต่ว่าปาฏิหาริย์ได้ถูกมอบแก่บุคคลที่เฉพาะเท่านั้น เป็นความถูกต้องที่ว่าความรู้มีความจำกัดและขึ้นอยู่ยุคสมัยและสภาพแวดล้อม ไม่มีความรู้ใดยอมรับหรือสนับสนุนเรื่องมายากล และเวทมนต์ แต่คำพูดที่ถูกต้องยิ่งกว่าคือ เจ้าของความรู้เหล่านั้นบางครั้ง ได้แสดงสิ่งที่เลยเถิดไปจากนิยามของความรู้หรือที่เรียกว่า มายากล เวทมนต์เป็นต้น อีกนัยหนึ่งกล่าวได้ว่า สิ่งนั้นคือการมุสาและการเบี่ยงเบนนั่นเอง ...
  • ในทัศนะของอัลกุรอาน ความแตกต่างระหว่างอิบลิซ กับชัยฏอน คืออะไร?
    17349 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/09/08
    บนพื้นฐานของอัลกุรอาน,อิบลิซเป็นหนึ่งในหมู่ญิน เนื่องจากการอิบาดะฮฺอย่างมากมาย จึงทำให้อิบลิซได้ก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกันกับมะลาอิกะฮฺ แต่หลังจากการสร้างอาดัม, อิบลิซได้ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ไมยอมกราบอาดัม, จึงได้ถูกขับออกจากสวรรค์เนรมิตแห่งนั้น ส่วนชัยฏอนนั้นจะใช้เรียกทุกการมีอยู่ ที่แสดงความอหังการ ยโสโอหัง ละเมิด และฝ่าฝืน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นมนุษย์ หรือญิน หรือสรรพสัตว์ก็ตาม ขณะเดียวกันอิบลิซนั้นได้ถูกเรียกว่าชัยฏอน ก็เนื่องจากโอหังและฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้า ดังนั้น ถ้าจะกล่าวแล้ว “ชัยฏอน” เป็นนามโดยทั่วไป ซึ่งครอบคลุมเหนือทั้งอิบลิซ และไม่ใช่อิบลิซ ...
  • ทั้งที่พจนารถของอิมามบากิรและอิมามศอดิกมีมากมาย เหตุใดจึงไม่มีการรวบรวมไว้ในหนังสือสักชุดหนึ่ง?
    6570 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/07
    หากจะพิจารณาถึงสังคมและยุคสมัยของท่านอิมามบากิร(อ.)และอิมามศอดิก(อ.)ก็จะเข้าใจได้ว่าเหตุใดจึงไม่มีการรวบรวมตำราดังกล่าวขึ้นอย่างไรก็ดีฮะดีษของทั้งสองท่านได้รับการรวบรวมไว้ในบันทึกที่เรียกว่า “อุศู้ลสี่ร้อยฉบับ” จากนั้นก็บันทึกในรูปของ”ตำราทั้งสี่” ต่อมาก็ได้รับการเรียบเรียงเป็นหมวดหมู่ฟิกเกาะฮ์ในหนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์กว่าสามสิบเล่มโดยท่านฮุรอามิลีแต่กระนั้นก็ต้องทราบว่าแม้ว่าฮะดีษของอิมามสองท่านดังกล่าวจะมีมากกว่าท่านอื่นๆก็ตามแต่หนังสือดังกล่าวก็มิได้รวบรวมเฉพาะฮะดีษของท่านทั้งสองแต่ยังรวมถึงฮะดีษของอิมามท่านอื่นๆอีกด้วย ทว่าปัจจุบันมีการเรียบเรียงหนังสือในลักษณะเจาะจงอยู่บ้างอาทิเช่นมุสนัดอิมามบากิร(อ.) และมุสนัดอิมามศอดิก(
  • เพราะเหตุใดชีอะฮฺจึงตั้งชื่อตนเองว่า อับดุลฮุซัยนฺ (บ่าวของฮุซัยนฺ) หรืออับดุลอะลี (บ่าวของอะลี) และอื่นๆ? ขณะที่อัลลอฮฺตรัสว่า : จงนมัสการและเป็นบ่าวเฉพาะข้าเท่านั้น
    7690 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/07/16
    1.คำว่า “อับดฺ” ในภาษาอาหรับมีหลายความหมายด้วยกัน : หนึ่ง หมายถึงบุคคลที่ให้การเคารพ นอบน้อม และเชื่อฟังปฏิบัติตาม, สอง บ่าวหรือคนรับใช้ หรือผู้ถูกเป็นเจ้าของ 2. สถานภาพอันสูงส่งของบรรดาอิมาม (อ.) ผู้บริสุทธิ์นั้นเองที่เป็นสาเหตุทำให้บรรดาผู้เจริญรอยตาม ต้องการเปิดเผยความรักและความผูกพันที่มีต่อบรรดาท่านเหล่านั้น จึงได้ตั้งชื่อบุตรหลานว่า “อับดุลฮุซัยนฺ หรืออับดุลอะลี” หรือเรียกตามภาษาฟาร์ซีย์ว่า ฆุล่ามฮุซัยนฺ ฆุล่ามอะลี และ ...อื่นๆ 3.คนรับใช้ นั้นแน่นอนว่ามิได้หมายถึงการช่วยเหลือทางโลก หรือเฉพาะการดำรงชีพในแต่ละวันเท่านั้น, ทว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าและมีค่ามากไปกว่านั้นคือ การฟื้นฟูแนวทาง แบบอย่าง และการเชื่อฟังผู้เป็นนายั่นเอง, เนื่องจากแม้ร่างกายของเขาจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว, แต่จิตวิญญาณของเขายังมีชีวิตและมองดูการกระทำของเราอยู่เสมอ 4.วัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์คำว่า “อับดฺ” ในการตั้งชื่อตามกล่าวมา (เช่นอับดุลฮุซัยนฺ) เพียงแค่ความหมายว่าต้องการเผยให้เห็นถึงความรัก และการเตรียมพร้อมในการรับใช้เท่านั้น ถ้าเป็นเพียงเท่านี้ถือว่าเหมาะสมและอนุญาต, ...
  • สายรายงานของฮะดีษที่ท่านอิมามอลี(อ.)กล่าวแก่ชาวอรับเกี่ยวกับชาวเปอร์เซียว่า“พวกท่าน(อรับ)รบกับพวกเขา(เปอร์เซีย)เพื่อให้ยอมรับการประทานกุรอาน แต่ก่อนโลกนี้จะพินาศ พวกเขาจะรบกับพวกท่านเพื่อการตีความกุรอาน”เชื่อถือได้เพียงใด?
    7717 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/09/11
    ในตำราฮะดีษมีฮะดีษชุดหนึ่งที่มีนัยยะถึงการที่ท่านอิมามอลี(อ.)กล่าวกับชาวอรับเกี่ยวกับชาวเปอร์เซียว่า “พวกท่าน(อรับ)รบกับพวกเขา(เปอร์เซีย)เนื่องด้วยการประทานกุรอานแต่ก่อนโลกนี้จะพินาศพวกเขาก็จะรบกับพวกท่านเนื่องด้วยการตีความกุรอาน”สายรายงานของฮะดีษบทนี้เชื่อถือได้ ...
  • ฐานะภาพของบรรดาอิมามสูงส่งกว่าบรรดานบีจริงหรือ?
    6916 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/20
    ฮะดีษมากมายระบุว่าบรรดาอิมามมีความสูงส่งเหนือบรรดานบีทั้งนี้ก็เนื่องจากรัศมีทางจิตใจของบรรดาอิมามหลอมรวมกับท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) ฉะนั้นในเมื่อท่านนบีมีศักดิ์เหนือบรรดานบีท่านอื่นๆวุฒิภาวะที่บรรดาอิมามได้รับการถ่ายทอดจากนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) จึงเหนือกว่านบีทุกท่าน ประเด็นที่ว่ามนุษย์มีศักดิ์ที่สูงกว่ามลาอิกะฮ์นั้นถือเป็นสิ่งที่อิสลามยอมรับฉะนั้นการที่อิมามผู้ไร้บาปจะมีศักดิ์เหนือกว่ามลาอิกะฮ์จึงไม่ไช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ...
  • มีฟัตวาเกี่ยวกับอาชีพที่สองไหม? หรือว่าการมีอาชีพที่สองเท่ากับเป็นคนหลงโลก?
    7480 สิทธิและกฎหมาย 2555/01/23
    ในทัศนะอิสลามไม่มีความหมายอันใดเกี่ยวกับอาชีพหรืออาชีพที่สอง, สิ่งที่ศาสนาอิสลามหรืออัลลอฮฺ (ซบ.) ได้ประณามเอาไว้คือ, ความลุ่มหลงและจิตผูกพันอยู่กับโลกทำให้ห่างไกลจากศีลธรรมและปรโลก
  • การมองอย่างไรจึงจะถือว่าฮะรอมและเป็นบาป?
    8832 สิทธิและกฎหมาย 2554/11/21
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • ในวันอีดกุรบาน สามารถจะเชือดสัตว์กุรบานที่เขาหักได้หรือไม่?
    7484 สิทธิและกฎหมาย 2555/03/04
    หากกุรบานในที่นี้หมายถึงการเชือดกุรบานในพิธีฮัจย์ที่ต้องกระทำในวันอีดกุรบาน ณ แผ่นดินมินา อุละมาส่วนใหญ่ให้ทัศนะไว้ว่า หากสัตว์ที่จะนำมาเชือดกุรบานมีเขาแต่เดิมอยู่ ทว่าปัจจุบันไม่มี หรือหักไป สามารถนำมาเชือดกุรบานได้[1] เว้นแต่ว่าเขาภายในหักหรือถูกตัดไป ในกรณีนี้จะทำให้กุรบานไม่ถูกต้อง แต่หากเขาภายนอกหักถือว่าไม่เป็นไร[2] ส่วนการเชือดกุรบานนอกพิธีฮัจย์ที่เหนียตกระทำเพื่อผลบุญในเชิงมุสตะฮับนั้น หากจะเชือดสัตว์ที่เขาหักก็ไม่มีปัญหาใดๆ อย่างไรก็ดี เราได้สอบถามปัญหานี้จากสำนักงานของมัรญะอ์ตักลี้ดท่านต่างๆได้ความดังนี้ อายะตุลลอฮ์คอเมเนอี,ซีสตานี, มะการิมชีรอซี : ไม่มีปัญหาใดๆ อายะตุลลอฮ์ศอฟี โฆลพอยฆอนี: สามารถกระทำได้ อินชาอัลลอฮ์ ขอพระองค์ทรงตอบรับ คำถามนี้ไม่มีคำตอบเชิงรายละเอียด [1] ผู้ที่มีทัศนะเช่นนี้ได้แก่ อายะตุลลอฮ์.. ...
  • การแสวงหาความต้องการอื่น ๆ นอกจากพระเจ้า เช่นขอจากบบี (ซ็อล ฯ) และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) เป็นชิริกหรือไม่ เพราะในความเป็นจริงผู้ตอบสนองความต้องการคือพระเจ้า
    7713 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    การให้ความเคารพการย้อนกลับการขอความต้องการไปยังผู้ทรงเกียรติ (พระศาสดาและบรรดาอิมาม) ถ้าหากมีเจตนาว่าพวกเขามีบทบาทต่อการเกิดผลและสามารถปลดเปลื้องความต้องการของเราได้โดยเป็นอิสระจากพระเจ้าหรือปราศจากการพึ่งพิงไปยังอาตมันสากลของพระองค์การมีเจตนารมณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นชิริกอีกทั้งขัดแย้งกับเตาฮีดอัฟอาล (ความเป็นเอกภาพในการกระทำ) เนื่องจากพระองค์ปราศจากการพึ่งพิงไปยังสิ่งอื่นขณะที่สิ่งอื่นต้องพึ่งพิงไปยังพระองค์ขัดแย้งกับเตาฮีดรุบูบียะฮฺ(อำนาจบริหารและบริบาลเป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียวส่วนบรรดาศาสดามะลักหรือปัจจัยทางธรรมชาติเป็นเพียงสื่อของพระองค์)

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60050 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57423 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42134 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39208 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38875 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33941 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27959 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27874 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27689 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25709 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...