การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
9356
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/12/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa11567 รหัสสำเนา 19928
หมวดหมู่ تاريخ بزرگان
คำถามอย่างย่อ
มุคตารคือ ษะกะฟีย์ ซึ่งในหัวใจมีความรักให้ท่านอบูบักร์และอุมมัรเท่านั้น? แล้วทำไมเขาจึงไม่ปกป้องท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ในกัรบะลาอฺ?
คำถาม
ถูกต้องหรือไม่ทีว่ามุคตารเป็นษะกะฟีย์ มีความรักให้ท่นอบูกบักร์และอุมัรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองจึงตกจากสะพานซิรอต, และท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้ช่วยเหลือไว้? ในช่วงเวลาการยืนหยัดของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) เขาอยู่ที่ไหนจึงไม่ได้ปกป้องท่านอิมาม?
คำตอบโดยสังเขป

รายงานเกี่ยวกับมุคตารที่ปรากฏอยู่ในตำราฮะดีซนั้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กล่าวคือรายงานบางกลุ่มกล่าวสรรเสริญเขา และบางกลุ่มก็กล่าวประณามเขา นักวิชาการฝ่ายฮะดีซและริญาลเมื่อกล่าวถึง มุคตาร ส่วนใหญ่จะเลือกฮะดีซที่กล่าวสรรเสริญมากกว่า ส่วนรายงานตรงกันข้ามนั้นจะไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงมากเท่าใดนัก

อัลลามะฮฺมัจญฺลิซซียฺ ได้นำเอารายงาน (การช่วยเหลือมุคตาร) มารวมเข้ากับรายงานที่กล่าวประณาม ซึ่งในแง่ของความเชื่อศรัทธาเบื้องต้นเขาเป็นชาวนรก แต่ในบั้นปลายเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) เขาจึงรอดพ้นจากการลงโทษของพระเจ้า, ส่วนท่านอายะตุลลอฮฺ คูอียฺ กล่าวว่า สายรายงานของฮะดีซบทนี้อ่อนแอ

มุคตาร ษะกะฟียฺ, ก่อนขบวนการอาชูรอและการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) ในกัรบะลา, เขาได้ให้การสนับสนุนมุสลิม บิน อะกีล ผู้เป็นทูตของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) ในกูฟะฮฺ, มุคตารถูกจำคุกอยู่โดยคำสั่งของ อิบนุซิยาด จนกระทั่งการยืนหยัดต่อสู้ในกัรบะลาอฺได้สิ้นสุดลง

คำตอบเชิงรายละเอียด

มุคตาร บิน อบี อุบัยดะฮฺ มาจากเผ่าษะกีฟ, มีฉายนามว่า อบูอิสฮาก, และมีสมญานามว่า กีซาน, คำว่ากีซานหมายถึง ความฉลาด ความหลักแหลม.[1] ตามรายงานที่กล่าวไว้, อัศบัฆ บิน นะบาตะฮฺ, สหายคนหนึ่งของท่านอิมามอะลี (.) กล่าวว่า : [2]ฉายานามว่า กีส ท่านอิมามอะลี (.) ได้ตั้งให้แก่มุคตาร

มุคตารได้เรียนรู้มารยาทและความประเสริฐด้านศีลธรรมจาก สำนักคิดอะฮฺลุลบัยตฺของท่านศาสดา (ซ็อล ) เมื่อย่างเข้าวัยหนุ่ม, เขาได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับบิดาและอาของเขาไปยังอีรัก เพื่อเข้าร่วมสงครามสู้รบกับกองทัพอิหร่าน มุคตารได้อยู่เคียงข้างท่านอิมามอะลี (.) และหลังจากท่านอิมามได้ชะฮาดัต, เขาได้เดินทางบัศเราะฮฺและอาศัยอยู่ที่นั่น[3]

อัลลามะฮฺ มัจญฺลิซซียฺ (ขออัลลอฮฺทรงเมตตา) บันทึกว่า : มุคตารได้อธิบายความประเสริฐของอะฮฺลุลบัยตฺของท่านศาสดา (ซ็อล ) นอกจากนั้นเขายังสาธยาย และเผยแพร่คุณลักษณะอันงดงามของท่านอมีรุลมุอฺมีน ท่านอิมามฮะซัน และท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) แก่ประชาชน เขามีความเชื่อเสมอว่าครอบครัวของท่านศาสดา (ซ็อล ) มีความเหมาะสมกับตำแหน่งการเป็นผู้นำ และผู้ปกครองภายหลังจากท่านศาสดา ยิ่งกว่าผู้ใดทั้งหมด เขาแสดงความเสียใจและโมโหโกรธาตลอดเวลา เมื่อเห็นความยากลำบากและความทุกข์ยากต่างๆ ได้กร่ำกรายมาสู่ครอบครัวของท่านศาสดา[4]

บุคลิกภาพของมุคตารในริวายะฮฺ

รายงานที่กล่าวถึงมุคตาร ซึ่งมีบันทึกอยู่ในตำราฮะดีซแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กล่าวคือ กลุ่มหนึ่งกล่าวสรรเสริญมุคตาร ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งกล่าวประณาม

) ฮะดีซที่กล่าวสรรเสริญมุคตาร

ตำราฮะดีซได้บันทึกฮะดีซ ที่กล่าวสรรเสริญมุคตารไว้นั้นมีจำนวนมากมาย, แต่เพื่อความเหมาะสมในที่นี้จะขอนำเสนอเป็นตัวอย่างสัก 3 ฮะดีซ ประกอบด้วย

1.ท่านอิมามซอดิก (.) กล่าวว่า : เหล่าสตรีของบนีฮาชิมไม่เคยหวีผม และแต่งหน้าจนกระทั่งมุคตาร ได้ส่งศีรษะเหล่าทรชนที่ร่วมกันสังหารท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) มายังครอบครัวของเรา[5] ซัยยิดคูอียฺ (ขออัลลอฮฺทรงเมตตา) ยอมรับว่าฮะดีซบทนี้ถูกต้องเชื่อถือได้[6] รายงานบทสนับสนุนให้เห็นถึงการกระทำดีของมุคตาร

2.จงอย่ากล่าวสิ่งไม่ดีกับมุคตาร, เนื่องจากเขาได้สังหารหมู่ชนที่สังหารพวกเรา และเขาได้ลงโทษอาชญากรเหล่านั้น,เมื่อยามประสบความทุกข์ยากเขาได้แบ่งทรัพย์สินแก่พวกเรา ช่วยดูแลเหล่าสตรีที่เป็นหม้ายของเรา[7]

3.บางรายงานได้กล่าวว่า ท่านอิมามซัจญาด (.) เมื่อได้เห็นศีรษะของอุบัยดิลลาฮฺ บิน ซิยาด และอุมะริบ สะอัด ถูกส่งมาให้ท่าน, ท่านได้ลงซัจญฺดะฮฺและกล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺ พร้อมกับกล่าวว่า : "جَزىَ اللهُ المُختارَ خَیرا ขออัลลอฮฺ โปรดประทานรางวัลความดีงามแก่มุคตาร[8]

) รายงานที่กล่าวประณามมุคตาร

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงฮะดีซสัก 3 ฮะดีซเพื่อเป็นตัวอย่าง

1. ท่านอิมามซอดิก (.) กล่าวว่า :มุคตารได้กล่าวมุสาพาดพิงถึงท่านอิมามซัจญาด (.)”[9]

2.มีรายงานกล่าวว่า มุคตารได้ส่งเงินให้ท่านอิมามซัจญาด (.) จำนวน 20,000 ดีนาร, ท่านอิมามได้รับเงินนั้นไว้เพื่อซ่อมแซมรอยผุพังของบ้านท่าน, หลังจากนั้นมุคตารได้ส่งเงินให้ท่านอิมามอีกเป็นจำนวนเงินถึง 40,000 ดีนาร ซึ่งท่านอิมามก็ได้รับเงินนั้นไว้อีก[10] อีกรายงานหนึ่งกล่าวว่า "فَإِنِّی لَا أَقْبَلُ هَدَایا الْکَذَّابِین‏" ดังนั้น ฉันจะไม่ยอมรับของกำนัลที่มุสาหลอกลวง[11]

3.คำใส่ร้ายอีกประการหนึ่งท่มีต่อมุคตาร คือ เขาชื่อการเป็นอิมามะฮฺของมุฮัมม ฮะนะฟียะฮฺ และได้เชิญชวนประชาชนไปสู่เขา ด้วยเหตุนี้เอง สำนักคิด กีซานียะฮฺ จึงได้เกิดขึ้นมา[12]

มุคตารในทัศนะของนักปราชญ์

นักวิชาการและนักปราชญ์สายฮะดีซและอิลมริญาล ส่วนใหญ่จะเลือกฮะดีซที่กล่าวสรรเสริญและชื่นชมมุคตาร ซึ่งจะไม่มีผู้ใดเลือกรายงานที่ตรงกันข้ามมาอรรถาธิบาย

) รายงานที่กล่าวประณามมคตาร, ถ้าหากพิจารณาจากสายรายงานแล้วถือว่า อ่อนแอมาก[13] กะชี กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า : ฉันคิดว่าฮะดีซเหล่านี้เป็นฮะดีซอุปโลกน์ทั้งสิ้นที่มาจากฝ่ายซุนนียฺ[14]

) อาจเป็นไปได้ว่าฮะดีซเหล่านี้ อาจเกิดจากการตะกียะฮฺ และเพื่อความปลอดภัยของท่านอิมามและบนีฮาชิม จากน้ำมือของผู้ปกครองที่กดขี่ จึงได้ออกมาจากเขา[15]

) ฮะดีซกล่าวว่ามุคตารได้ส่งของกำนัลให้ท่านอิมามซัจญาด (.) และครอบครัว ถึงสองครั้ง ซึ่งครั้งที่สองท่านอิมามไม่ยอมรับ เนื่องจากเป็นของกำนัลที่ผูกพันอยู่บนความมุสาของมุคตาร สิ่งนี้ห่างไกลจากความจริง, เนื่องจากถ้าหากท่านอิมามไม่ยอมรับของขวัญเพราะการมุสาของมุคตารแล้วละก็ สาเหตุนี้ก็มีอยู่ในการมอบของขวัญครั้งแรกเหมือนกัน[16]

) รายงานต่างๆ ที่พาดพิง สำนักคิดกีซานียะฮฺ ว่ามีความผูกพันกับมุคตาร ประหนึ่งว่าเป็นการพูดโกหกใส่มุคตาร, และตามความเชื่อของนักปราชญ์ฝ่ายอิลมุริญาล กล่าวว่า สิ่งนี้เป็นเรื่องโกหกจากฝ่ายซุนนีย์ที่มีต่อมุคตาร, เนื่องจากมุฮัมมัด บิน ฮะนะฟียะฮฺ ไม่เคยกล่าวอ้างการเป็นอิมามะฮฺเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพื่อว่ามุคตารจะได้เชิญชวนไปสู่เขา, ทว่าสำนักคิด กีซานียะฮฺ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นภายหลังจากมุฮัมมัด ฮะนะฟียะฮฺ ได้เสียชีวิตไปแล้ว[17]

ความเชื้อของมุคตาร

นักวิชาการบางคน,ไม่เชื่อว่ามุคตารมีความเชื่อหรือความศรัทธาที่ดีและถูกต้อง ซึ่งประเด็นนี้มี 2 รายงานกล่าวพาดพิงไว้ กล่าวคือ :

1. عَنْ أَبِی عَبْدِ اللَّهِ (ع) قَالَ لِی: "یجُوزُ النَّبِی(ص) الصِّرَاطَ یتْلُوهُ عَلِی وَ یتْلُو عَلِیاً الْحَسَنُ وَ یتْلُو الْحَسَنَ الْحُسَینُ فَإِذَا تَوَسَّطُوهُ نَادَى الْمُخْتَارُ الْحُسَینَ(ع) :یا أَبَا عَبْدِ اللَّهِ(ع) إِنِّی طَلَبْتُ بِثَارِکَ فَیقُولُ النَّبِی(ص) لِلْحُسَینِ(ع) :أَجِبْهُ؛ فَینْقَضُّ الْحُسَینُ(ع) فِی النَّارِ کَأَنَّهُ عُقَابٌ کَاسِرٌ فَیخْرِجُ الْمُخْتَارَ حُمَمَةً وَ لَوْ شُقَّ عَنْ قَلْبِهِ لَوُجِدَ حُبُّهُمَا فِی قَلْبِهِ"؛

1.ท่านอิมามซอดิก (.) กล่าวว่า : ท่านศาสดา (ซ็อล ) ได้เดินผ่านสะพานซิรอตไปแล้ว ขณะนั้นมีท่านอิมามอะลี (.) และมีท่านอิมามฮะซัน (.) เดินตามหลัง หลังจากนั้นเป็นท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) เมื่อเดินไปถึงกลางสะพาน มุคตาร (ซึ่งถูกลงโทษในนรก) ได้ส่งเสียงเรียกวา : โอ้ ยาอะบาอับดิลลาฮฺ ฉันคือผู้ทวงหนี้เลือดให้แก่ท่าน, ท่านศาสดา (ซ็อล ) กล่าวว่า : โอ้ ฮุซัยนฺ จงตอบเขาไปซิ, หลังจากนั้นท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) ได้โฉบเฉี่ยวมุคตารให้พ้นจากนรกเหมือนพญาอินทรีย์ แต่กระนั้น ถ้าหากหัวใจของมุคตารแตกสลายออกมา, ความรักที่เขามีต่อเคาะลิฟะฮฺทั้งสองก็จะเปิดเผยออกมาทันที[18]

2.

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ถ้าหากชาวสวรรค์มีการแบ่งชั้นอยู่ ดังนั้นสำหรับชาวนรกแล้วเป็นเช่นนี้ด้วยหรือไม่?
    12476 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/04/07
    สิ่งที่อัลกุรอานและรายงานฮะดีซ กล่าวไว้เกี่ยวกับชั้นต่างๆ ของนรก,ก็คือนรกนั้นมีชั้นเหมือนกับสวรรค์[1]ที่แบ่งออกเป็นชั้นต่างๆ ซึ่งชาวนรกทั้งหลายจะถูกพิพากษาไปตามความผิดที่ตนได้กระทำไว้หนักเบาต่างกันไป, ซึ่งเขาจะถูกนำไปพักอยู่ในชั้นนรกเหล่านั้นเพื่อลงโทษในความผิดที่ก่อขึ้น รายงานบทหนึ่งจากท่านอิมามบากิร (อ.) กล่าวเกี่ยวกับโองการที่ว่า «لَها سَبْعَةُ أَبْوابٍ لِكُلِّ بابٍ مِنْهُمْ جُزْءٌ مَقْسُوم»[2] สำหรับนรกมีเจ็ดประตู และทุกประตูมีสัดส่วนที่ถูกจัดไว้แล้ว (สำหรับผู้หลงทาง) ท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า ได้มีรายงานมาถึงฉันว่า อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงแบ่งนรกออกเป็น 7 ชั้น 1.ชั้นที่หนึ่ง : เป็นชั้นที่สูงที่สุดเรียกว่า “ญะฮีม” ชาวนรกในชั้นนี้จะถูกให้ยืนอยู่บนโขดหินที่ร้อนระอุด้วยความยากลำบาก กระดูกและสมองของเขาจะเดือดพล่านเนื่องจากความร้อนนั้น
  • กะฟาะเราะฮฺเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามพันธสัญญาหมายถึงอะไร?
    7455 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/21
    ถ้าหากบุคคลหนึ่ง (ด้วยเงื่อนไขสำหรับการทพำพันธสัญญาซึ่งมีกล่าวไว้ในริซาละฮฺต่างๆของเตาฎีฮุลมะซาอิลของมะรอญิอฺตักลีดกล่าวไว้[1]) เขาได้สัญญาต่ออัลลอฮฺ (ซบ.) แต่ไม่ได้ทำตามข้อสัญญานั้น (ซึ่งไม่แตกต่างกันว่าเขาได้สัญญาว่าจะกระทำหรือจะละเว้นสิ่งนั้น) ต้องจ่ายกะฟาะเราะฮฺหมายถึงเลื้องอาหารคนจนให้อิ่ม 60 คนหรือถือศีลอดติดต่อกัน 60 วัน[2]
  • ทั้งที่ซะกาตไม่วาญิบสำหรับท่านอะลี (อ.) แล้วเพราะเหตุใดท่านต้องบริจาคซะกาตขณะนมาซด้วย ?
    7388 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/09/25
    ท่านอิมามอะลี (อ.) ไม่เคยเป็นคนจนหรือคนอนาถาจนไม่มีจะกินแต่อย่างใดแต่ท่านเป็นคนมีความพยายามสูงและไม่เคยหยุดนิ่ง, ท่านได้รับทรัพย์สินจำนวนมากมายแต่ทรัพย์ทั้งหมดเหล่านั้นท่านได้บริจาคไปในหนทางของอัลลอฮฺ (ซบ.), โดยไม่เหลือทรัพย์ส่วนใดไว้สำหรับตนเอง,ดังที่โองการต่างๆได้กล่าวถึงการบริจาคซะกาตของท่านไว้มากมายซึ่งหนึ่งในโองการเหล่านั้นก็คือโองการที่กำลังกล่าวถึงนอกจากนั้นแล้ววัฒนธรรมของอัลกุรอานยังได้กล่าวถึงการบริจาคที่เป็นมุสตะฮับ (สมัครใจ)
  • การทำหมันแมวเพื่อป้องกันมิให้จรจัด แต่ก็มีผลกระทบไม่ดีด้านความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ฮุกุ่มเป็นอย่างไรบ้าง?
    8807 สิทธิและกฎหมาย 2555/01/23
    สำนักฯพณฯท่านผู้นำอายะตุลลอฮฺอัลอุซมาคอเมเนอี (ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองท่าน):
  • สตรีในทัศนะอิสลามมีสถานภาพสูงส่งเพียงใด ?พวกเธอมีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชายหรือ?
    13226 ปรัชญาของศาสนา 2554/10/22
    ในทัศนะอิสลาม, สตรีและบุรุษนั้นมีเป้าหมายร่วมกันนั่นคือ – การพัฒนาตนไปให้ถึงยังสถานอันสูงสุดของความเป็นมนุษย์ – และการไปถึงเป้าหมายดังกล่าว ทั้งสองจึงมีมาตรฐานอันเดียวกัน ซึ่งความต่างเรื่องเพศอันเป็นความจำเป็นของการสร้าง แทบจะไม่มีบทบาทอันใดทั้งสิ้นในการสร้าง หรือเพิ่มเติมศักยภาพและความสามารถดังกล่าวนั้น หรือคุณค่าในทางศาสนาเองก็มิได้มีบทบาทอันใดเช่นกัน ดังนั้น ความสมบูรณ์ของสตรีจึงมิได้อยู่ในฐานะภาพเดียวกันกับความสมบูรณ์ของบุรุษ หรือใช่ว่าบุรุษจะใช้ความเป็นเพศชาย มาควบคุมความเป็นสตรีก็หาไม่ดังนั้น ในทัศนะของอิสลาม :1.สตรี, จึงเป็นสถานที่ปรากฏความสวยงาม ความประณีต และความเงียบสงบ2.สตรี, คือที่มาแห่งความสงบมั่นของบุรุษ, ส่วนบุรุษนั่นเป็นสถานพำนักพักพิง ให้ความรับผิดชอบ และการเป็นผู้นำของสตรี
  • บุคลิกของอุบัย บิน กะอฺบ์?
    10093 تاريخ بزرگان 2555/04/07
    อุบัย บิน กะอฺบ์ เป็นหนึ่งของสหายที่มีชื่อเสียงที่สุดของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) และเป็นผู้มีเกียรติยิ่งทั้งในหมู่อะฮฺลิซุนนะฮฺ และชีอะฮฺ แหล่งอ้างอิงของฝ่ายชีอะฮฺมีบันทึกรายงานฮะดีซจำนวหนึ่ของเขาไว้ด้วย นักปราชญ์ผู้อาวุโสฝ่ายฮะดีซ, ยอมรับว่าเขาเป็นสหายของท่านศาสดา และเป็นหนึ่งในผู้บันทึกวะฮฺยู เมื่อพิจารณารายงานที่มาจากเขา, สามารถเข้าใจได้ถึงความรักที่เขามีต่ออะฮฺลุลบัยตฺ (อ.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอิมามอะลี (อ.) ...
  • การใช้ชีวิตเพื่ออัลลอฮฺ เป็นชีวิตอย่างไร? มีความขัดแย้งกับชีวิตการเป็นอยู่ทั่วไปทางโลกหรือไม่?
    10047 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/01/23
    ถ้าหากพิจารณาอัลกุรอานแล้วได้ถามอัลกุรอานว่าเราได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร? คำตอบของอัลกุรอานคือเรามิได้สร้างมนุษย์และญินขึ้นมาเพื่อการใดเว้นเสียแต่เพื่อการอิบาดะฮฺ"وَ ما خَلَقْتُ الْجِنَّ وَ الْإِنْسَ إِلَّا لِیَعْبُدُونِ" อิบาดะฮฺ
  • การสมรสจะช่วยส่งเสริมหรือเป็นตัวยับยั้งพัฒนาการทางศีลธรรมกันแน่? ศาสนาอิสลามและคริสต์เห็นต่างในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?
    6970 ปรัชญาของศาสนา 2554/09/11
    การสมรสเปรียบดั่งศิลาฤกษ์ของสังคมซึ่งมีคุณประโยชน์มากมายอาทิเช่นเพื่อบำบัดกามารมณ์สืบเผ่าพันธุ์มนุษย์เสริมพัฒนาการของมนุษย์ความร่มเย็นและระงับกิเลสตัณหาฯลฯในปริทรรศน์ของอิสลามการสมรสได้รับการเชิดชูในฐานะเกราะป้องกันกึ่งหนึ่งของศาสนาในเชิงสังคมการสมรสมีคุณประโยชน์อย่างเอนกอนันต์เนื่องจากจะเสริมสร้างครอบครัวให้เป็นดั่งรวงรังอันอบอุ่นที่คนรุ่นหลังสามารถพึ่งพิงได้
  • โองการ اخْلُفْنِی فِی قَوْمِی وَأَصْلِحْ وَلَا تَتَّبِعْ سَبِیلَ الْمُفْسِدِینَ กล่าวโดยผู้ใด และปรารภกับผู้ใด?
    6961 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/19
    โองการที่ถามมานั้น กล่าวถึงคำสั่งของท่านนบีมูซา(อ.)ที่มีแด่ท่านนบีฮารูน(อ.)ขณะกำลังจะเดินทางจากชนเผ่าของท่านไป ทั้งนี้เนื่องจากการแต่งตั้งตัวแทนจะกระทำในยามที่บุคคลกำลังจะลาจากกัน เมื่อท่านนบีมูซาได้รับบัญชาให้จาริกสู่สถานที่นัดหมายจึงแต่งตั้งท่านนบีฮารูน (ซึ่งดำรงตำแหน่งนบีอยู่แล้ว) ให้เป็นตัวแทนของท่านในหมู่ประชาชน และได้กำชับให้ฟื้นฟูดูแลประชาชน และให้หลีกห่างกลุ่มผู้นิยมความเสื่อมเสีย[1]อนึ่ง ท่านนบีฮารูน(อ.)เองก็มีฐานะเป็นนบีและปราศจากความผิดบาป อีกทั้งไม่คล้อยตามผู้นิยมความเสื่อมเสียอยู่แล้ว ท่านนบีมูซาเองก็ย่อมทราบถึงฐานันดรภาพของพี่น้องตนเองเป็นอย่างดี ฉะนั้น คำสั่งนี้จึงมิได้เป็นการห้ามมิให้นบีฮารูนทำบาป แต่ต้องการจะกำชับมิให้รับฟังทัศนะของกลุ่มผู้นิยมความเสื่อมเสีย และอย่าคล้อยตามพวกเขาจนกว่าท่านนบีมูซาจะกลับมา
  • เพราะเหตุใด อัลลอฮฺทรงรังเกลียดการหย่าร้างอย่างรุนแรง?
    12075 ปรัชญาของศาสนา 2555/04/07
    ถ้าหากพิจารณาสิ่งตรงข้ามกันระหว่างการหย่าร้าง กับการแต่งงาน,เพื่อค้นคว้าปรัชญาของความน่ารังเกลียดในการหย่าร้าง, อันดับแรกจำเป็นต้องกล่าวถึงความสำคัญของการแต่งงานก่อน[1] อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายขึ้นมาเป็นคู่ มนุษย์ในฐานะที่เป็นเครื่องหมายและเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า อันเป็นเหตุของความสงบและความสันติ[2] รายงานฮะดีวจากบรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการแต่งงานไว้ว่า เป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง, ซึ่งท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการแต่งงานว่า : ไม่มีรากฐานอันใดได้ถูกวางไว้ในอิสลาม ซึ่งเป็นทีรักและมีเกียรติยิ่ง ณ พระองค์อัลลอฮฺ เหนือไปจากการแต่งงาน”[3] หนึ่งในประโยชน์อันสำคัญยิ่งของการแต่งงานคือ การขยายและดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ชาติ, ด้วยเหตุนี้เอง การหย่าร้างคือการทำลายการแต่งงาน ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก เด็กๆ ที่เกิดมาสมควรได้รับการดูแลจากมืออันอบอุ่นของบิดามารดา ร่มเงาของทั้งสองสมควรที่จะถอดเบียดบังพวกเขาให้ได้รับความปลอดภัย และมีความรู้สึกว่าได้รับความอบอุ่นเสมอ การปราศจากผู้ปกป้องดูแลคือ การขาดที่พำนักพักพิง ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60799 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58486 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42898 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40486 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39502 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34656 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28726 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28608 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28572 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26484 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...