การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
11918
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/06/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa959 รหัสสำเนา 14618
คำถามอย่างย่อ
ทำอย่างไรจึงจะฝันเห็นท่านเราะซูล(ซ.ล.)
คำถาม
ผมอยากฝันเห็นท่านเราะซูลุลลอฮ์และดื่มด่ำกับความปรารถนาสูงสุด ผมควรทำอย่างไรบ้าง?
คำตอบโดยสังเขป

ในหนังสือมะฟาตีฮุลญินาน(เล่มสมบูรณ์)มีซิเกรและอะมั้ลที่ทำให้สามารถฝันเห็นเอาลิยาอ์ของอัลลอฮ์ได้ อย่างไรก็ดี วิธีเหล่านี้ไม่อาจจะเป็นมูลเหตุสมบูรณ์ที่ทำให้สามารถฝันเห็นบุคคลที่เราต้องการเสมอไป กล่าวคือ ไม่ไช่ว่าทุกคนจะสามารถฝันเห็นท่านศาสดาด้วยอะมั้ลเหล่านี้ได้ ทั้งนี้ก็เนื่องจากทักษะดังกล่าวจำเป็นต้องควบคู่กับการหยุดทำบาป และปฏิบัติศาสนกิจภาคบังคับอย่างเคร่งครัด ตลอดจนต้องมีจิตใจอันบริสุทธิเพียงพอเสียก่อน.

คำตอบเชิงรายละเอียด

ก่อนจะตอบคำถามข้างต้น ขออธิบายเกี่ยวกับความฝันและประเภทต่างๆของความฝันโดยสังเขปเสียก่อน
นักวิชาการพยายามนำเสนอบทวิเคราะห์อันยืดยาวเพื่ออธิบายเกี่ยวกับการฝันของมนุษย์ บ้างเชื่อว่าความฝันเกิดจากการไหลเวียนของเลือดจากสมองสู่อวัยวะต่างๆในร่างกาย ชุดคำอธิบายนี้อ้างอิงมูลเหตุทางฟิสิกข์
บ้างเชื่อว่ากิจกรรมต่างๆในรอบวันของคนเราก่อให้เกิดสารพิษในร่างกาย และสารพิษเหล่านี้ทำปฏิกิริยาต่อระบบประสาท ทำให้เกิดจินตภาพที่เราเรียกว่าฝันปฏิกิริยาดังกล่าวจะดำเนินต่อไปจนกระทั่งสารพิษเหล่านั้นถูกร่างกายดูดซึมจนหมด ชุดคำอธิบายนี้อ้างอิงมูลเหตุทางชีวะเคมี
บางกลุ่มเชื่อว่าความฝันเกิดจากมูลเหตุทางระบบประสาทโดยแจกแจงว่า ความฝันเกิดจากการที่กลไกพิเศษของระบบประสาทที่อยู่ในสมอง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องของร่างกายนั้น หยุดทำงานไปเนื่องจากความเหนื่อยล้า

แม้ไม่อาจปฏิเสธอิทธิพลของปัจจัยเหล่านี้ได้โดยสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยเหล่านี้ก็ไม่อาจไขข้อสงสัยเกี่ยวกับความฝันให้กระจ่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
สาเหตุที่นักวิชาการในปัจจุบันไม่สามารถอธิบายความฝันได้อย่างกระจ่างชัดทุกแง่มุมนั้น เกิดจากการที่พวกเขาเน้นแนวคิดวัตถุนิยมเป็นหลัก พวกเขาพยายามจะอธิบายข้อเท็จจริงนี้โดยละเลยที่จะยอมรับความจริงเกี่ยวกับจิตวิญญาณมนุษย์  ซึ่งหากพิจารณาจะพบว่าความฝันเกิดจากปัจจัยทางจิตวิญญาณมากกว่าปัจจัยทางชีวภาพ หากเป็นเช่นนี้ ก็ไม่สามารถจะอธิบายความฝันได้โดยไม่ศึกษาเกี่ยวกับจิตวิญญาณอีกต่อไป
กุรอานได้นำเสนอคำนิยามอันละเอียดละออที่สุดเกี่ยวกับความฝัน โดยกล่าวว่า ความฝันก็คือการกู้คืนวิญญาณประเภทหนึ่ง กล่าวคือ ความฝันเกิดจากการจำกัดอิทธิพลที่วิญญาณมีต่อร่างกาย แต่ไม่ถึงขั้นยุติอิทธิพลดังกล่าว
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อวิญญาณถูกจำกัดรัศมีที่ส่องสว่างแก่ร่างกายให้เหลือเพียงแสงเทียนสลัวๆ ระบบการรับรู้ของร่างกายก็จะหยุดทำงานชั่วคราว ทำให้ผู้ที่นอนหลับไม่มีความรู้สึกหรือความเคลื่อนไหวเช่นปกติ แม้ว่าระบบต่างๆที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเช่น ระบบหายใจ ระบบสูบฉีดเลือด ฯลฯ ยังต้องทำงานอยู่เหมือนเดิม.[1]

จึงสรุปได้ว่าในระหว่างความฝัน ระบบสมองส่วนหนึ่งจะหยุดทำงาน[2] หาได้หยุดทำงานทั้งระบบไม่ ด้วยเหตุนี้เองที่ฮะดีษต่างๆนิยามความฝันว่าเป็นพี่น้องความตาย[3]
ฮะดีษจากอิมามอลีบทหนึ่งกล่าวไว้ว่าการนอนหลับทำให้ปลอดทุกข์โศก และมีคุณสมบัติเทียบเคียงความตาย[4]
โดยทั่วไปแล้ว สามารถแบ่งความฝันออกเป็นสามประเภท
หนึ่ง, ความฝันที่มีความหมายชัดเจนไม่จำเป็นต้องทำนายฝัน
สอง, ความฝันที่สับสนยุ่งเหยิง ซึ่งไม่อาจนำมาทำนายฝันได้
สาม, ความฝันที่จิตของมนุษย์แสดงผลเป็นรหัสหรือในลักษณะอุปมาอุปไมย ความฝันประเภทนี้แหล่ะที่มีการทำนายฝันกัน[5]

หลังจากทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับความฝันแล้ว ก็พอจะทราบว่ามนุษย์สามารถท่องไปในโลกแห่งมิษาลและอักล์ เพื่อเข้าพบเอาลิยาอ์ของอัลลอฮ์ได้ กล่าวคือ เมื่อคนเรานอนหลับก็จะเชื่อมต่อกับโลกแห่งมิษาลและอักล์อันสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะตัวของวิญญาณ ทำให้สามารถเห็นและรับรู้ปรากฏการณ์บางอย่างตามแต่ศักยภาพของแต่ละคนจะอำนวย[6] ด้วยเหตุนี้ หากมีบันทึกในอัตชีวประวัติของผู้บำเพ็ญกุศลอย่างท่านชะฮีด มุเฏาะฮะรี ว่าท่านเคยได้รับเกียรติในเรื่องนี้[7] ก็ไม่ไช่เรื่องน่าฉงนใจแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงว่า
หนึ่ง ไม่ไช่ว่าทุกคนจะสามารถควบคุมความฝันของตนให้นำพาสู่การพบเจอบุคคลที่ต้องการพบเสมอไป
สอง ในตำราดุอาอย่างเช่นมะฟาตีฮุลญินาน[8]จะมีอะมั้ลที่จะส่งผลให้สามารถฝันเห็นท่านนบี(..)ได้[9] แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะมั้ลดังกล่าวย่อมมีส่วนให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่ทั้งนี้ก็หาได้เป็นมูลเหตุสมบูรณ์ที่ทำให้ฝันเห็นท่านนบี(..)ในลักษณะที่หากทำอะมั้ลดังกล่าวแล้วจะต้องได้เห็นท่านนบีในฝันกันโดยถ้วนหน้าไม่ ทั้งนี้ก็เนื่องจากการที่จะฝันเห็นนบีต้องมีเงื่อนไขอื่นๆอีก อาทิเช่น การหยุดทำบาป, เคร่งครัดในศาสนกิจภาคบังคับ และความผ่องใสทางจิตวิญญาณ ต่อเมื่อมีครบทุกเงื่อนไขเท่านั้น จึงจะสามารถฝันเห็นท่านศาสดาได้ นั่นเป็นเพราะว่าผู้ที่มีจิตใจผ่องแผ้วปราศจากกิเลศเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จดังใจหมาย

อย่างไรก็ดี หากคุณปฏิบัติอะมั้ลดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ได้เห็นศาสดาในฝันตามที่ปรารถนา แน่นอนว่าอัลลลอฮ์จะทรงประทานผลรางวัลอื่นชดเชยให้ ทั้งนี้ก็เนื่องจากทั้งความหวังที่จะได้พบท่านนบี รวมถึงอะมั้ลในตำราดุอาซึ่งอุดมไปด้วยซิกรุลลอฮ์นั้น ล้วนมีผลบุญ  พระองค์ทั้งสิ้น
เกร็ดน่ารู้ส่งท้ายก็คือ วิธีที่จะทำให้ฝันเห็นท่านศาสดา(..)มิได้จำกัดเฉพาะอะมั้ลดังกล่าว เนื่องจากยังมีวิธีอื่นๆที่มีผลลัพธ์ดังกล่าวเช่นกัน อย่างเช่น การตะวัสสุ้ลผ่านเอาลิยาอ์ของอัลลอฮ์ ในชีวประวัติของท่านอายะตุลลอฮ์ อัลอุซมา มัรอะชี นะญะฟี บันทึกไว้ว่า คืนหนึ่งท่านได้ตะวัสสุ้ลเพื่อหวังจะเห็นหนึ่งในเอาลิยาอ์ของอัลลอฮ์ในฝัน แล้วท่านก็ฝันเห็นท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน อลี ดังใจหมาย ซึ่งเหตุการณ์นี้ผูกโยงกับเหตุการณ์ที่นักกวีนามระบือชะฮ์ริย้อรแต่งโคลงกลอนยกย่องท่านอิมามอลีในคืนเดียวกันนั้น.[10]



[1] ดู: ตัฟซีรเนมูเนะฮ, เล่ม19, หน้า 482และ 483.

[2] อายะฯ มะการิม ชีรอซี, มะอ้าดและโลกหลังความตาย หน้า 385.

[3] วลีالنوم اخو الموتใน, อะวาลี อัลละอาลี, เล่ม 4, หน้า 73.

[4] วลีالنوم راحة من الم و ملائمة الموتใน, ฆุร่อรุ้ล ฮิกัม, ฮะดีษที่ 1461.

[5] ตัฟซีรอัลมีซานฉบับแปลฟารซี, เล่ม 11, หน้า 372.

มีฮะดีษรายงานจากท่านนบี(..)ว่า ความฝันแบ่งเป็นสามประเภท. ข่าวดีจากอัลลอฮ์ การเผยสถานะของจิต ความหวาดกลัวที่ชัยฏอนก่อขึ้นالرویا الثلاثه: فبشری من الله و حدیث النفس و تخویف الشیطانกันซุ้ล อุมม้าล, 41385.

และมีฮะดีษรายงานจากท่านอิมามศอดิกว่า คราใดที่บ่าวของพระองค์ประสงค์จะทำบาป แต่พระองค์ยังประสงค์ให้เขาเป็นคนดี พระองค์จะทรงบันดาลให้เขาฝันร้ายเพื่อจะได้หวั่นเกรงไม่กล้าทำบาป
اذ کان العبد علی معصیه الله عز و جل و اراد الله به خیرا اراه فی منامه رویا تروعه و فینزجرها عن تلک المعصیهอัลอิคติศ้อศ, หน้า 24.

[6] ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ดู: อัลมีซานฉบับแปลฟารซี, เล่ม 11, หน้า 366-373.

[7] ภรรยาของท่านเล่าว่าคืนหนึ่ง ท่านตกใจตื่นขึ้นมากลางดึก ฉันถามท่านว่าเกิดอะไรขึ้นหรือย่างไร? ท่านตอบว่า ฉันฝันว่าได้เข้าพบท่านเราะซูลลุลลอฮ์(..)พร้อมกับท่านอิมามโคมัยนี ฉันเอ่ยต่อท่านนบีว่า โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ท่านนี้(อิมามโคมัยนี)คือหนึ่งในบุตรหลานของท่าน. ท่านนบีได้สวมกอดท่านอิมามโคมัยนี แล้วจึงหันมาโอบกอดฉัน และได้จุมพิตริมฝีปากโดยที่ฉันยังจำไออุ่นของริมฝีปากท่านได้ ฉันคิดว่าคงจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ในชีวิตฉันเป็นแน่. ภรรยาของท่านเล่าต่อว่าสามวันต่อมาท่านก็ถูกลอบยิงเป็นชะฮีด

[8] ภาคผนวกมะฟาตีฮุลญินาน, หมวดบากิยาตุศศอลิฮาต.

[9] อ่านซูเราะฮ์ อัชชัมส์, อัลลัยล์, ก็อดร์, กาฟิรูน, กุ้ลฮุวัลลอฮ์, นาส และ ฟะลัก (สี่กุ้ล)อย่างละหนึ่งจบ และหลังจากนั้นอ่านกุ้ลฮุวัลลอฮ์ 100 จบ และศอละวาต 100 ครั้ง จากนั้นจึงนอนตะแคงขวาขณะยังมีน้ำนมาซ.

[10] ฮุเซน ซะบูรี, ชะฮ์ริย้อรของเรา, พิมพ์ปี 1381.

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • มีข้อแนะนำใดบ้างที่คุณพ่อและคุณแม่ควรปฏิบัติก่อนคลอดบุตร?
    13215 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/21
    มีข้อแนะนำบางอย่างที่คุณพ่อและคุณแม่ควรปฏิบัติก่อนจะมีบุตรอาทิเช่นปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วนปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการร่วมหลับนอนบริโภคอาหารที่ฮะลาลและสะอาดโดยเฉพาะผลไม้นานาชนิดเข้ารับการตรวจโรคทางพันธุกรรมงดความเครียด  มองทิวทัศน์ที่สวยงามรักษาสุขอนามัยออกกำลังกายฯลฯหากปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ได้ครบถ้วนก็จะทำให้มีสมาชิกครอบครัวที่มีสุขภาพดีและประสบความสำเร็จในชีวิตส่งผลให้สังคมก้าวสู่ความผาสุกในอุดมคติ ...
  • สตรีในทัศนะอิสลามมีสถานภาพสูงส่งเพียงใด ?พวกเธอมีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชายหรือ?
    12905 ปรัชญาของศาสนา 2554/10/22
    ในทัศนะอิสลาม, สตรีและบุรุษนั้นมีเป้าหมายร่วมกันนั่นคือ – การพัฒนาตนไปให้ถึงยังสถานอันสูงสุดของความเป็นมนุษย์ – และการไปถึงเป้าหมายดังกล่าว ทั้งสองจึงมีมาตรฐานอันเดียวกัน ซึ่งความต่างเรื่องเพศอันเป็นความจำเป็นของการสร้าง แทบจะไม่มีบทบาทอันใดทั้งสิ้นในการสร้าง หรือเพิ่มเติมศักยภาพและความสามารถดังกล่าวนั้น หรือคุณค่าในทางศาสนาเองก็มิได้มีบทบาทอันใดเช่นกัน ดังนั้น ความสมบูรณ์ของสตรีจึงมิได้อยู่ในฐานะภาพเดียวกันกับความสมบูรณ์ของบุรุษ หรือใช่ว่าบุรุษจะใช้ความเป็นเพศชาย มาควบคุมความเป็นสตรีก็หาไม่ดังนั้น ในทัศนะของอิสลาม :1.สตรี, จึงเป็นสถานที่ปรากฏความสวยงาม ความประณีต และความเงียบสงบ2.สตรี, คือที่มาแห่งความสงบมั่นของบุรุษ, ส่วนบุรุษนั่นเป็นสถานพำนักพักพิง ให้ความรับผิดชอบ และการเป็นผู้นำของสตรี
  • สถานะและบุคลิกภาพของซุรอเราะฮฺ ณ บรรดาอิมามเป็นอย่างไร?
    6831 تاريخ بزرگان 2555/05/17
    ซุรอเราะฮฺ เป็นหนึ่งในสหายของอิมามมะอฺซูม (อ.) ที่มีฐานะภาพและเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ ณ อิมาม เขาถูกจัดว่าเป็นสหายอิจญฺมาอฺ หมายถึงความหน้าเชื่อถือ ความซื่อตรง และการพูดความจริงของเขา เป็นที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รับรู้กันดีในหมู่สหายของอิมาม (อ.) แม้ว่าจะมีรายงานกล่าววิจารณ์เขาอยู่บ้างก็ตาม, แต่เมื่อนำเอารายงานเหล่านั้นมารวมกันแล้ว สามารถสรุปให้เห็นถึงความถูกต้องของเขามากกว่า และจัดว่าเขาเป็นหนึ่งในสหายที่ยิ่งใหญ่ และมีเกียรติคนหนึ่งของอิมาม (อ.) ...
  • ประชาชนชาวเมืองกุมไม่ว่าจะกระทำผิดเพียงใดก็จะไม่ถูกลงโทษในไฟนรกกระนั้นหรือ?
    5848 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    1.รายงานฮะดีซที่เกี่ยวข้องกับเมืองกุม, ที่ว่าประชาชนชาวกุมจะไม่ตกนรกนั้นไม่ถูกต้อง.2.การรู้จักมักคุ้นกับลูกหลานของท่านศาสดา (ซ็อล
  • ปรัชญาของการมีทาสในอิสลามคืออะไร? อิสลามมีวิธีการจัดการกับสิ่งเหล่าอย่างไร?
    12310 สิทธิและกฎหมาย 2555/08/22
    ถูกต้องบทบัญญัติเกี่ยวกับ การแต่งงานกับทาส, การเป็นมะฮฺรัมกับทาส, สัญญาซื้อขาย (ข้อตกลงที่จะปล่อยทาสเป็นไท) และ ...ได้ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอาน, การมีทาสได้รับการยืนยันว่ามีจริงในสมัยของท่านเราะซูล (ซ็อลฯ) และต้นยุคอิสลาม แต่จำเป็นต้องกล่าวว่าอิสลามมีโปรแกรมที่ละเอียดอ่อน และมีกำหนดเวลาในการปลดปล่อยทาสให้เป็นไท ซึ่งบั้นปลายสุดท้ายของทั้งหมดเหล่านั้นคือ การได้รับอิสรภาพเป็นไททั้งสิ้น ดังนั้นการเผชิญหน้าของอิสลามกับปัญหาเหล่านี้ จำเป็นต้องกล่าวถึงประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้: 1-อิสลามมิเคยเริ่มต้นปัญหาเรื่องทาส 2-อิสลามถือว่าปัญหาชะตากรรม และความเจ็บปวดใจของทาสในอดีตที่ผ่านมาคือ ปัญหาความล้าหลังอันยิ่งใหญ่ของสังคม 3-อิสลามได้วางโครงการที่ละเอียดอ่อน เพื่อปลดปล่อยทาสให้เป็นไท, เนื่องจากครึ่งหนึ่งของพลเมืองในสมัยก่อนเป็นทาสทั้งสิ้น, พวกเขาไม่มีอิสรเสรีในการประกอบอาชีพการงาน, ไม่มีปัจจัยสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไป.ถ้าหากอิสลามได้มีคำสั่งต่อสาธารณชนว่าให้ทั้งหมดปล่อยทาสให้เป็นไท, ซึ่งเป็นไปได้ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาจะต้องสูญเสียชีวิต หรือไม่ชนส่วนใหญ่ก็จะต้องว่างงานไร้อาชีพ หิวโหย ถูกกีดกัน และพวกเขาต้องได้รับแรงกดดันจนกระทั่งเข้าทำร้ายและโจมตีในทุกที่ การประจัญบาน การนองเลือด และการทำลายกฎระเบียบของสังคมก็จะทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง อิสลามได้วางแผนการไว้อย่างละเอียด เพื่อดึงดูดสังคมให้ทาสเหล่านี้ได้รับอิสรภาพ และเป็นไทไปที่ละน้อย ซึ่งแผนการดังกล่าวมีองค์ประกอบหลายประการด้วยกัน ...
  • ความสำคัญและความพิเศษ และคำวิจารณ์หนังสือบิฮารุลอันวาร?
    7581 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/12/21
    กลุ่มฮะดีซจากหนังสือบิฮารุลอันวาร,ถือได้ว่าเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดของอัลลามะฮฺมัจญิลิซซียฺ, หรืออาจกล่าวได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นดาอิเราะตุลมะอาริฟฉบับใหญ่ของชีอะฮฺซึ่งได้รวบรวมเอาปัญหาศาสนาเกือบทั้งหมด,เช่นตัฟซีรกุรอาน, ประวัติศาสตร์, ฟิกฮฺ, เทววิทยา, และปัญหาอื่นๆอีกบางส่วนที่สำคัญที่สุดและเป็นความพิเศษของหนังสือบิฮารุลอันวารคือ:เริ่มต้นบทใหม่ทุกบทจะกล่าวถึงโองการอัลกุรอาน
  • ทั้งที่พจนารถของอิมามบากิรและอิมามศอดิกมีมากมาย เหตุใดจึงไม่มีการรวบรวมไว้ในหนังสือสักชุดหนึ่ง?
    6799 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/07
    หากจะพิจารณาถึงสังคมและยุคสมัยของท่านอิมามบากิร(อ.)และอิมามศอดิก(อ.)ก็จะเข้าใจได้ว่าเหตุใดจึงไม่มีการรวบรวมตำราดังกล่าวขึ้นอย่างไรก็ดีฮะดีษของทั้งสองท่านได้รับการรวบรวมไว้ในบันทึกที่เรียกว่า “อุศู้ลสี่ร้อยฉบับ” จากนั้นก็บันทึกในรูปของ”ตำราทั้งสี่” ต่อมาก็ได้รับการเรียบเรียงเป็นหมวดหมู่ฟิกเกาะฮ์ในหนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์กว่าสามสิบเล่มโดยท่านฮุรอามิลีแต่กระนั้นก็ต้องทราบว่าแม้ว่าฮะดีษของอิมามสองท่านดังกล่าวจะมีมากกว่าท่านอื่นๆก็ตามแต่หนังสือดังกล่าวก็มิได้รวบรวมเฉพาะฮะดีษของท่านทั้งสองแต่ยังรวมถึงฮะดีษของอิมามท่านอื่นๆอีกด้วย ทว่าปัจจุบันมีการเรียบเรียงหนังสือในลักษณะเจาะจงอยู่บ้างอาทิเช่นมุสนัดอิมามบากิร(อ.) และมุสนัดอิมามศอดิก(
  • ฮัมมาดะฮ์เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และมีบุคลิกอย่างไร?
    7473 تاريخ بزرگان 2555/03/08
    ตำราวิชาสายรายงานฮะดีษระบุว่ามีสตรีที่ชื่อ “ฮัมมาดะฮ์” สองคน คนหนึ่งชื่อ “ฮัมมาดะฮ์ บินติ เราะญาอ์” ส่วนอีกคนคือ “ฮัมมาดะฮ์ บินติ ฮะซัน” แต่สันนิษฐานว่าสองรายนี้คือคนๆเดียวกัน สุภาพสตรีท่านนี้เป็นสาวิกาของท่านอิมามศอดิก(อ.) ซึ่งกุลัยนีและเชคเศาะดู้กได้รายงานฮะดีษของอิมามศอดิกจากนาง[1] ท่านนะญาชีระบุว่าพี่ชายของนางชื่อซิยาด บิน อีซา อบูอุบัยดะฮ์ ฮิซาอ์ ส่วนเชคฏูซีระบุว่าพี่ชายของนางชื่อ เราะญาอ์ บิน ซิยาด จะเห็นได้ว่ามีทัศนะที่ขัดแย้งกันในเรื่องชื่อของพี่ชายและบิดาของนาง ทำให้เข้าใจได้ว่าน่าจะมีสตรีสองคนที่ชื่อฮัมมาดะฮ์ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงสำนวนของนะญาชีทำให้สามารถสันนิษฐานได้ว่าสองคนนี้แท้ที่จริงก็คือสตรีคนเดียวกัน เหตุผลที่นำมาชี้แจงก็คือ[2] อบูอุบัยดะฮ์ ฮิซาอ์ มีชื่อจริงว่า ซิยาด บิน อบีเราะญาอ์ (มิไช่แค่เราะญาอ์) ส่วนชื่อจริงของอบูเราะญาอ์คือ มุนซิร หรือซิยาด ผลที่ได้ก็คือ ...
  • คำพูดทั้งหมดของพระศาสดา (ซ็อล ฯ) ถือว่าเป็นวะฮฺยูหรือไม่?
    7865 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/21
    มุมมองของผู้เชี่ยวชาญ,ในประเด็นที่กำลังกล่าวถึงแตกต่างกันบางคนได้พิจารณาการตีความของโองการที่ 3,4 ของอัลกุรอานบทนัจมฺ[i]ซึ่งเชื่อว่าคำพูดทั้งหมดของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ตลอดจนการกระทำต่างๆของท่านมาจากวะฮฺยูทั้งสิ้นบางคนเชื่อว่าโองการที่ 4 ของบทอันนัจมฺนั้นกล่าวถึงอัลกุรอานกะรีมและบรรดาโองการต่างๆที่ประทานให้แก่ท่านศาสดา,แม้ว่าซุนนะฮฺ (แบบฉบับ) ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จะเป็นข้อพิสูจน์และเป็นเหตุผลก็ตามซึ่งคำพูดการกระทำและการนิ่งเฉยของท่านมิได้เกิดจากอารมณ์อย่างแน่นอนสิ่งที่เข้าใจได้จากสิ่งที่กล่าวถึงในตรงนี้คือสามารถกล่าวได้อย่างมั่นใจว่าทั้งความประพฤติและแบบอย่างของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) มิได้กระทำลงไปโดยปราศจากวะฮียฺอย่างแน่นอนดังเช่นคำพูดของท่านก็เป็นเช่นนี้ด้วยแม้ว่าจะเป็นคำพูดประจำวันคำพูดสามัญทั่วไปตลอดการดำรงชีวิตของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ก็ตามสิ่งนั้นก็จะไม่เกิดจากอารมณ์อย่างเด็ดขาดซึ่งตามความเป็นจริงแล้วเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แน่นอนว่าท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จะล่วงละเมิดกระทำความผิด[i]
  • ท่านอิมามฮุเซน(อ.)มีบุตรสาวชื่อรุก็อยยะฮ์หรือสะกีนะฮ์ไช่หรือไม่ ที่เสียชีวิตที่ดามัสกัสขณะอายุได้สามหรือสี่ขวบ?
    7410 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    แม้ว่านักประวัติศาสตร์จะมิได้กล่าวถึงบุตรสาวตัวน้อยของอิมามฮุเซน(อ.) ที่มีนามว่ารุก็อยยะฮ์หรือฟาฏิมะฮ์ศุฆรอฯลฯแต่ตำราบางเล่มก็สาธยายเรื่องราวอันน่าเวทนาของเด็กหญิงคนนี้ณซากปรักหักพังในแคว้นชามเราพบว่ามีเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวปรากฏในตำราประวัติศาสตร์บางเล่มอาทิเช่นก. เมื่อท่านหญิงซัยนับ(ส.) ได้เห็นศีรษะของอิมามฮุเซน(อ.) ผู้เป็นพี่ชายนางได้รำพึงรำพันบทกวีที่มีเนื้อหาว่า “โอ้พี่จ๋าโปรดคุยกับฟาฏิมะฮ์น้อยสักนิดเถิดเพราะหัวใจนางกำลังจะสูญสลาย”

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60417 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57988 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42516 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39813 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39167 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34277 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28327 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28252 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28186 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26125 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...