การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
8126
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/06/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa2088 รหัสสำเนา 14709
คำถามอย่างย่อ
มีความจำเป็นอะไรที่บรรดาอิมามต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ และจะรู้ได้อย่างไรว่าอิมามเป็นมะอฺซูม?
คำถาม
มีความจำเป็นอะไรที่บรรดาอิมามต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ และจะรู้ได้อย่างไรว่าอิมามเป็นมะอฺซูม?
คำตอบโดยสังเขป

ฝ่ายชีอะฮฺมีความเชื่อขัดแย้งกับฝ่ายซุนนียฺว่า, บรรดาอิมามในทุกกรณียกเว้นเรื่องวะฮียฺ- มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกับท่านศาสดา (ซ็อล ), ด้วยเหตุนี้เอง, บรรดาอิมามต้องเหมือนกับศาสดาตรงที่ว่าไม่ผิดพลาด, ไม่พลั้งเผลอกระทำบาป และต้องเป็นมะอฺซูม. ดั่งที่ท่านศาสดา (ซ็อล ) และบรรดาศาสดาท่านอื่นเป็นอยู่

แต่ฝ่ายอะฮฺลิซซุนนะฮฺ, เชื่อว่าตำแหน่งตัวแทนของท่านศาสดาเป็นเพียงตำแหน่งธรรมดาทางสังคมเท่านั้น-มิใช่ตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งจากอัลลอฮฺ- ทว่าได้รับการเลือกสรรโดยประชาชน และผู้ที่ดำรงตำแหน่งเคาะลิฟะฮฺจึงมาจากการเลือกตั้งของประชาชน, ด้วยสาเหตุนี้เองตามความเชื่อของพวกเขา ตำแหน่งอิซมัต (ผู้บริสุทธิ์) จึงไม่จำเป็นสำหรับเคาะลิฟะฮฺแต่อย่างใด

เหตุผลด้านภูมิปัญญาและอ้างอิงฝ่ายชีอะฮฺ :

1. สติปัญญาสมบูรณ์ตัดสินว่า, อิมามในฐานะที่เป็นผู้อธิบาย ผู้พิทักษ์บทบัญญัติศาสนา และสาส์นของเหล่าบรรดาศาสดา, ต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเชื่อถือและมั่นใจได้สำหรับประชาชน ซึ่งต้องมีความบริสุทธิ์จากความผิดพลาด และการเบี่ยงเบนทั้งหลาย, เพื่อว่าจะได้พิทักษ์ปกป้องศาสนาและบทบัญญัติของพระองค์ได้, เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการประทานเราะซูลและอิมามมาก็เพื่อ อบรมสั่งสอนประชาชาติ และสิ่งนี้ต้องอาศัยความรอบรู้ อันเป็นวิชาการซึ่งพระองค์ทรงประทานแก่พวกเขา และความรู้ของพระเจ้านั้นต้องถูกประกาศ และถูกถ่ายทอดสู่ประชาชนโดยปราศจากข้อตำหนิ ความบกพร่อง และความไม่สมบูรณ์ อีกทั้งต้องบริสุทธิ์จากการเบี่ยงเบนและเปลี่ยนแปลงแก้ไข ซึ่งนอกจากนี้แล้วจะเห็นว่าปรัชญาของการแต่งตั้งอิมาม,ได้ระบุว่าต้องเป็นมะอฺซูมเท่านั้น

นอกจากนี้แล้วฝ่ายชีอะฮฺยังเชื่ออีกว่า อิมามะฮฺก็คือตัวแทนที่แท้จริงของท่านศาสดา (ซ็อล ) เหมือนกับตำแหน่งของศาสดาที่ได้รับการแต่งตั้งโดยอัลลอฮฺ (ซบ.)-มิใช่การเลือกตั้งโดยประชาชน- อีกนัยหนึ่ง,มะอฺซูมหมายถึงบุคคลที่ไม่ว่าเขาจะอยู่ต่อหน้าสาธารณชน,หรือว่าลับสายตาคน (ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง) เขาก็จะไม่กระทำผิดอย่างเด็ดขาด เป็นที่ชัดเจนว่า นอกจากอัลลอฮฺ (ซบ.) แล้วไม่มีผู้ใดสามารถกล่าวอธิบายถึงความบริสุทธิ์ของอีกคนหนึ่งได้, ดังนั้น การจำแนกตำแหน่งความบริสุทธิ์ (มะอฺซูม) ต้องมาจากหลักฐานการอ้างอิง หรือรายงานฮะดีซจากท่านเราะซูล (ซ็อล ) จึงจะสามารถยอมรับได้

คำตอบเชิงรายละเอียด

1. อิมาม ความหมายตามสารานุกรมต่างๆ หมายถึงผู้นำ ซึ่งจะกล่าวเรียกบุคคลอื่นว่าเป็นอิมามได้ ก็ต่อเมื่อเขาเป็นผู้นำและมีผู้อื่นปฏิบัติตามเขา

รอฆิบ กล่าวไว้ในหนังสือ มุฟรอดาตว่า:อิมามหมายถึงบุคคลที่ได้รับการปฏิบัติตามจากบุคคลอื่น[1]

2. อิมามในความหมายของนักปราชญ์ (นิยาม) ในภาควิชาศาสนศาสตร์มีการให้นิยามไว้แตกต่างกัน เช่น

นิยามคำว่า อิมาม ในมุมมองของชีอะฮฺกล่าวว่า : หมายถึงหัวหน้าผู้นำทั่วไปด้านศาสนจักร ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบภารกิจของประชาชน และปกป้องให้อยู่ในความปลอดภัย ทั้งปัญหาด้านศาสนจักรและอาณาจักร อีกทั้งช่วยเหลือพวกเขาให้ห่างไกลจากภยันตรายบนพื้นฐานของความถูกต้องดังกล่าว[2]

ส่วนคำว่าอิมามในทัศนะของซุนนีหมายถึง :อิมามหรือหัวหน้าผู้นำทั่วไปในความหมายกว้างๆ, เกี่ยวข้องกับปัญหาศาสนาและปัญหาทางโลกของประชาชน,ในฐานะเป็นตัวแทนของท่านศาสดา[3]

3.ความหมายและความเข้าใจเกี่ยวกับ อิซมัต : คำว่า อิซมัต ตามหลักภาษาหมายถึง การระวังรักษา การกีดขวาง ส่วนความหมายของนักปราชญ์ด้านวิชาศาสนศาสตร์หมายถึง : ความเคยชินด้านจิตวิญญาณที่ระบุว่าจะต้องไม่กระทำความผิด หรือกระทำสิ่งขัดแย้งกับหน้าที่ของอัลลอฮฺ ซึ่งความเคยชินด้านจิตวิญญาณนี้ จะปกป้องบุคคลนั้นให้รอดพ้นจากความผิดพลาด และบาปกรรมต่างๆ

อิซมัต เป็นความเคยชินซึ่งกำกับว่าต้องไม่ประพฤติขัดแย้งกับหน้าที่จำเป็น, ไม่ว่าโดยตั้งใจหรือพลั้งเผลอ ซึ่งการมีความเคยชินนี้เองที่ทำให้เขามีอำนาจต่อต้านความไม่ดี[4]

ฝ่ายชีอะฮฺ เชื่อโดยหลักการว่า : อิมามะฮฺก็คือผู้สืบสานเจตนารมณ์และปกป้องรักษาสาส์นของศาสดา,เว้นเสียแต่ว่าท่านศาสดา (ซ็อล ) คือผู้วางรากฐานบทบัญญัติ และวะฮียฺได้ประทานลงมาที่ท่าน, ส่วนอิมามคือผู้อธิบายบทบัญญัติต่างๆ และเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องบทบัญญัติเหล่านั้นให้ดำรงอยู่ต่อไป, ด้วยเหตุนี้เอง, อิมามจึงอยู่ในฐานะเดียวกันทั้งหมดกับท่านศาสดา (ซ็อล ) เว้นเสียแต่ว่าไม่มีวะฮียฺถูกประทานลงมาที่อิมาม[5]

และเงื่อนไขจำเป็นทั้งหมดสำหรับท่านศาสดา (ซ็อล ), ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในเรื่องหลักความศรัทธา และหลักปฏิบัติ และฯลฯ หรือบริสุทธิ์จากความผิดพลาดทั้งเปิดเผยและปิดบัง, ซึ่งเงื่อนไขทั้งหมดเหล่านี้ก็จำเป็นสำหรับอิมามด้วย แต่ดั่งที่กล่าวไปแล้วว่าการรู้จักความบริสุทธิ์ นอกจากโดยหนทางของการอธิบายของอัลลอฮฺแล้ว มิอาจเป็นไปได้, อิมามะฮฺเหมือนกับนบูวัตกล่าวคือต้องได้รับการแต่งตั้งจากอัลลอฮฺ (ซบ.) กล่าวว่า : ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบตำแหน่งนี้ต้องได้รับการแต่งตั้งจากอัลลอฮฺ (ซบ.) แต่ฝ่ายอะฮฺลิซซุนนะฮฺ มีความคิดเห็นต่างไปจากชีอะฮฺว่า ตำแหน่งนี้อันยิ่งใหญ่นี้ซึ่งต้องแบกรับหน้าที่ทั้งศาสนจักรและอาณาจักร เป็นภารทางสังคมซึ่งประชาชนเป็นผู้มอบตำแหน่งตำแหน่งเคาะลิฟะฮฺ และเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งความหมายนี้ได้มาจากการให้นิยาม อิมาม จากทั้งสองฝ่าย (สุนียฺและชีอะฮฺ)

ลำดับต่อไปโปรดพิจารณษหลักฐานจากทั้งสองฝ่าย ดังนี้:

) เหตุผลด้านภูมิปัญญาถึงความจำเป็นว่าอิมาม (. ต้องเป็นมะอฺซูม

1.เนื่องจากอิมามคือผู้พิทักษ์ปกป้องและเป็นผู้อธิบายบทบัญญัติของอัลลอฮฺ และสาส์นของท่านศาสดา ดังนั้น ต้องเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือ และไว้ใจได้จากประชาชน ด้วยเหตุนี้ ถ้าสมมุติว่าอิมามมิใช่มะอฺซูม ความหน้าเชื่อถือเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

2. ถ้าหากอิมามกระทำความผิด, แน่นอน ความเคารพและความรักที่มีต่ออิมามจะถูกถอดถอนออกไปจากจิตใจของประช่าชน และพวกเขาจะไม่เชื่อฟังปฏิบัติตามอิมามอีกต่อไป,เมื่อเป็นเช่นนั้นประโยชน์ของการแต่งตั้งอิมามก็จะสูญไปโดยปริยาย[6]

3.ถ้าหากอิมามมิได้เป็นมะอฺซูม และได้กระทำความผิด, ก็จำเป็นต้องถูกพิพากษา และวาญิบต้องถูกลงโทษตามหลักการของการกำชับความดี และห้ามปรามความชั่ว, ขณะที่การปฏิบัติทำนองนี้กับอิมาม ประการแรก : เป้าหมายในการแต่งตั้งอิมามเกิดความบกพร่อง และเป็นโมฆะโดยทันที สอง : ขัดแย้งกับโองการอัลกุรอาน (นิซาอฺ,59) ซึ่งกำชับให้เชื่อฟังปฏิบัติตามอิมาม,เนื่องจากโองการข้างต้น,ถือว่าวาญิบต้องปฏิบัติตามอิมาม ตลอดจนการให้เกียรติและการแสดงความเคารพยกย่อง ซึ่งกล่าวไว้โดยสมบูรณ์[7]

4. บรรดาอิมาม เหมือนกับท่านศาสดา (ซ็อล ) ในแง่ที่ว่าเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องบทบัญญัติ, ด้วยเหตุนี้ต้องเป็นมะอฺซูม, เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการพิทักษ์ปกป้องคือ , การปกป้องด้านความรู้และการปฏิบัติ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าการพิทักษ์ปกป้องบทบัญญัติทั้งในแง่ของความรู้และการกระทำ ไม่อาจเป็นไปได้เว้นเสียแต่ว่าต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากบุคคลที่มิใช่มะอฺซูม เขาต้องกระทำสิ่งผิดพลาดแน่นอน แต่ถ้ายอมรับเขาได้ปกป้องบทบัญญัติบางส่วน อีกบางส่วนในทัศนะของอัลลอฮฺต้องถือว่าเชื่อถือไม่ได้ และถ้าในภาวะจำเป็นต้องตัดสินที่ตรงกันข้าม หรือขัดแย้งกับความจริง, เนื่องจากท่านศาสดา (ซ็อล ) มาเพื่อสอนสั่งบทบัญญัติแก่ประชาชน

5.ปรัชญาของการแต่งตั้งอิมาม ดั่งที่กล่าวไปแล้วว่าเพื่อการชี้นำประชาชาติให้มีความสำรวมตนจากความผิด อันเป็นสาเหตุมาจากการเบี่ยงเบนทางความคิดและการกระทำ ฉะนั้น ถ้าอิมามกระทำความผิดเสียเอง หรือมิได้เป็นมะอฺซูม ตามปรัชญาของการแต่งตั้งอิมาม,เพื่อการชี้นำประชาชน ดังนั้น อิมามเองก็ต้องการอิมามอื่นเพื่อชี้นำตนเอง อันถือได้ว่าเป็นความจำเป็น เพื่อว่าจะได้รอดพ้นจากความผิดพลาด ดังนั้น อิมามท่านอื่นต้องเป็นมะอฺซูม เพราะถ้ามิได้เป็นมะอฺซูมแล้วละก็ จำเป็นต้องมีอิมามท่านอื่นอีก และ ....เมื่อเป็นเช่นนี้ความต้องการในอิมามก็จะไม่มีที่สิ้นสุด โดยหลักการแล้วถือว่าเป็นเหตุผลวน ซึ่งเหตุผลวนในทางปัญญาแล้วถือว่าเป็นไปไม่ได้ และบาฎิล ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจบตรงที่ว่าอิมามต้องเป็นมะอฺซูมเท่านั้น ซึ่งต้องมีความเคยชินในแง่ของความบริสุทธิ์ มีศักยภาพในการชี้นำสั่งสอนประชาชน โดยจะต้องไม่เห็นความผิดพลาดและการเบี่ยงเบนในตัวเขาเด็ดขาด

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • อนุญาตให้แขวนภาพเขียนมนุษย์และสัตว์ภายในมัสญิดหรือไม่?
    7948 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/03
    ก่อนที่จะตอบ เราขอเกริ่นนำเบื้องต้นดังนี้1. บรรดาอุละมาอ์ให้ทัศนะไว้ว่า สถานที่แห่งหนึ่งที่ถือเป็นมักรู้ฮ์(ไม่บังควร)สำหรับนมาซก็คือ สถานที่ๆมีรูปภาพหรือรูปปั้นสิ่งที่มีชีวิต เว้นแต่จะขึงผ้าปิดรูปเสียก่อน ฉะนั้น การนมาซในสถานที่ๆมีรูปภาพคนหรือสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นมัสญิดหรือสถานที่อื่น ไม่ว่ารูปภาพจะแขวนอยู่ต่อหน้าผู้นมาซหรือไม่ก็ตาม[1] ...
  • มีบทบัญญัติทางฟิกเกาะฮ์ในสวรรค์หรือไม่?
    7347 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    ก่อนอื่นต้องคำนึงเสมอว่าเราไม่สามารถล่วงรู้ถึงสภาวะของปรโลกและสวรรค์-นรกได้นอกจากจะศึกษาจากวะฮยู (กุรอาน)และคำบอกเล่าของเหล่าผู้นำศาสนาที่ได้รับการยืนยันความน่าเชื่อถือเสียก่อน.แม้ตำราทางศาสนาจะไม่ได้ระบุคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามดังกล่าวแต่จากการพิจารณาถึงข้อคิดที่ระบุไว้ในตำราทางศาสนาก็สามารถกล่าวได้ว่าในสวรรค์ไม่มีบทบัญญัติและกฏเกณฑ์จำเพาะใดๆอีกต่อไปหรือหากมีก็ย่อมแตกต่างจากข้อบังคับต่างๆในโลกนี้ทั้งนี้ก็เพราะการบังคับใช้บทบัญญัติของพระเจ้าในสังคมมนุษย์มีไว้เพื่อสร้างเสริมให้มนุษย์บรรลุถึงความเจริญและความสมบูรณ์สูงสุดซึ่งก็เป็นผลจากการปฏิบัติหน้าที่ทางศาสนาในโลกนี้นั่นเอง
  • เมื่อคำนึงถึงการที่สตรีจะต้องมีประจำเดือน จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะถือศีลอดกัฟฟาเราะฮ์ เนื่องจากจะต้องถือศีลอดติดต่อกันเป็นเวลา 31 วัน
    7713 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/05
    ในการถือศีลอดที่มีเงื่อนไขว่าจะต้องถืออย่างติดต่อกัน (เช่นการถือศีลอดกัฟฟาเราะฮ์หรือการถือศีลอดที่มีการบนบานเอาไว้) หากเขาไม่สามาถทำเช่นนี้ได้เนื่องจากป่วยหรือมีรอบเดือนหรือเป็นนิฟาซ (สำหรับสตรี) และผู้ถือศีลอดไม่สามารถถือศีลอดติดต่อกันได้ต่อเมื่อข้อจำกัดเหล่านั้นหมดไป (เช่นการป่วย, การมีรอบเดือนหรือการมีนิฟาซ) หากถือศีลอดต่อทันทีก็จะถือว่าถูกต้องและไม่จำเป็นต้องเริ่มถือศีลอดใหม่แต่อย่างใด[1][1]อิมามโคมัยนี, รูฮุลลอฮ์, ตะฮ์รีรุลวะซีละฮ์, แปล,เล่มที่
  • อิสลามมิได้ห้ามรับประทานเนื้อดอกหรือ?
    9124 สิทธิและกฎหมาย 2555/03/14
    พืชผักผลไม้และเนื้อสัตว์ถือเป็นอาหารของมนุษย์มาตั้งแต่โบราณ แต่ก็มีมนุษย์บางกลุ่มที่มีรสนิยมสองขั้วที่ต่างกัน บางกลุ่มไม่แตะต้องเนื้อสัตว์เลย ส่วนบางกลุ่มในแอฟริกา ตะวันออกไกลและยุโรปบางประเทศกินเนื้อสัตว์แทบทุกประเภทแม้กระทั่งเนื้อมนุษย์ในบางกรณี การเปรียบเทียบระหว่างมนุษย์กับสัตว์เดรัจฉานถือว่าไม่ถูกต้องนัก การจะใช้เหตุผลที่ว่าเนื่องจากสัตว์เดรัจฉานกินเนื้อ ฉะนั้นมนุษย์จึงไม่ควรจะทานเนื้อ คงต้องถามกลับว่า สัตว์ป่าอย่างเช่น กวาง ยีราฟ ฯลฯ กินเนื้อเป็นอาหารหรือไม่? สัตว์ที่มีนิสัยดุร้ายอย่างหมีไม่ได้กินน้ำผึ้งและผักผลไม้ดอกหรือ? สิ่งนี้จะถือเป็นเหตุผลที่มนุษย์ไม่ควรทานน้ำผึ้งและพืชผักได้หรือไม่? ...
  • ด้วยการประกอบอิบาดะฮฺนานหลายพันปีของชัยฏอน แล้วมารไม่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺเลยหรือ?
    8094 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/10/22
    จากคำกล่าวของอัลกุรอาน ชัยฏอนมาจากหมู่ญิน ซึ่งญินนั้นมีภารกิจหน้าที่เช่นเดียวกับมนุษย์ตามคำกล่าวของท่านอิมามอะลี (อ.) : ชัยฏอนได้อิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺนานถึง 6,000 ปี ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นปีทางโลกหรือปีของปรโลก (ซึ่งหนึ่งวันของปรโลกเท่ากับ 1,000 ปี).ซึ่งความกรุณาอันยิ่งใหญ่และความการุณย์ที่มีต่ออิบลิสก็คือ ประการแรก มารได้ประสบความสำเร็จในการอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ สอง เนื่องจากอิบาดะฮฺอย่างมากมายมหาศาลทำให้มารได้ยกระดับชั้นเทียบเท่ามลาอิกะฮฺ ซึ่งสิทธิพิเศษที่มารได้รับการช่วยเหลือก็คือ มารได้นั่งในชั้นเดียวกันกับมลาอิกะฮฺ ซึ่งเงื่อนไขของความสะอาดของพวกเขา และเป็นหนึ่งในระบบทางโลกก็คือ บุคคลใดก็ตามที่รู้จักมากระดับชั้นของหน้าที่ก็จะสูงตามไปด้วย, แต่ถ้าผิดพลาดเมื่อใดก็จะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง
  • สรรพสัตว์นั้นมีจิตวิญญาณหรือไม่ ถ้าหากมีชีวิตของสัตว์กับมนุษย์แตกต่างกันอย่างไร
    13972 เทววิทยาใหม่ 2554/04/21
    ก่อนที่จะเข้าเรื่องสิ่งจำเป็นที่ต้องกล่าวถึงคือพื้นฐานของคำตอบที่จะนำเสนอนั้นวางอยู่บนพื้นฐานของฮิกมัตมุตะอาลียะฮฺ (ฟัลซะฟะฮฺ
  • มุคตารคือ ษะกะฟีย์ ซึ่งในหัวใจมีความรักให้ท่านอบูบักร์และอุมมัรเท่านั้น? แล้วทำไมเขาจึงไม่ปกป้องท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ในกัรบะลาอฺ?
    9053 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    รายงานเกี่ยวกับมุคตารที่ปรากฏอยู่ในตำราฮะดีซนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มกล่าวคือรายงานบางกลุ่มกล่าวสรรเสริญเขา
  • มุสลิมะฮ์ท่านใดที่พูดคุยด้วยโองการกุรอานนานหลายปี?
    7379 تاريخ بزرگان 2554/06/11
    มุสลิมะฮ์ท่านนี้ก็คือฟิฎเฎาะฮ์ทาสีของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ซึ่งตำราชั้นนำต่างระบุว่านางพูดคุยด้วยโองการกุรอานนานหลายปี. ...
  • ฮุศ็อยน์ บิน นุมัยร์ (ตะมีม) เป็นใครมาจากใหน?
    6472 تاريخ بزرگان 2555/03/08
    حصين بن نمير ซึ่งออกเสียงว่า “ฮุศ็อยน์ บิน นุมัยร์” ก็คือคนเดียวกันกับ “ฮุศ็อยน์ บิน ตะมีม” หนึ่งในแกนนำฝ่ายบนีอุมัยยะฮ์ที่มาจากเผ่า “กินดะฮ์” ซึ่งจงเกลียดจงชังลูกหลานของอิมามอลีอย่างยิ่ง และมีส่วนร่วมในการสังหารฮะบี้บ บิน มะซอฮิร หนึ่งในสาวกของอิมามฮุเซน บิน อลีในวันอาชูรอ ปีฮ.ศ. 61 โดยได้นำศีรษะของฮะบี้บผูกไว้ที่คอของม้าเพื่อนำไปยังราชวังของ “อิบนิ ซิยาด” ...
  • ฏอยยุลอัรฎ์คืออะไร?
    7038 รหัสยทฤษฎี 2554/06/11
    ทักษะพิเศษดังกล่าวมีการอธิบายที่หลากหลายอาทิเช่นทฤษฎี “สูญสลายและจุติ”ที่นำเสนอโดยอิบนิอะเราะบีทฤษฎีดังกล่าวเชื่อว่าผู้ที่มีทักษะฏอยยุลอัรฎ์สามารถสูญสลายจากสถานที่หนึ่งและจุติขึ้นณจุดหมายปลายทางได้. แต่อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่าฏอยยุลอัรฎ์คือพลวัตความเร็วสูงของร่างกายภายใต้แรงขับเคลื่อนของจิตวิญญาณอันทรงพลัง.แต่แม้เราจะยอมรับทฤษฎีใดก็ตามข้อเท็จจริงก็คือบุคคลทั่วไปไม่สามารถมีทักษะพิเศษนี้ได้นอกจากเอาลิยาอ์ของอัลลอฮ์เท่านั้น. ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60412 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57974 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42503 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39799 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39161 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34269 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28314 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28243 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28179 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26119 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...